🧭 บันทึกถอดรหัส # 1: คุณกำลังขับ 'รถชีวิต' หรือให้ 'GPS ภายใน' นำทาง?

หลายครั้งในชีวิต เราอาจเคยรู้สึกเหมือนกำลังขับรถไปบนถนนที่ไม่ใช่เส้นทางของเรา... มี 'ความรู้สึกนำทาง' จากข้างในที่คอยชี้นำ แต่เหตุผลและความกังวลก็ดังกว่าอยู่เสมอ

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ 🥰

แจนเคยเป็นแบบนั้นค่ะ และวันนี้อยากจะมาแบ่งปันบทเรียนครั้งสำคัญที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลไกของจิตใจเรา ผ่านภาพง่ายๆ ที่ช่วยให้แจนเข้าใจตัวเองและกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ "ใช่" ได้อีกครั้งค่ะ

เรามักจะได้ยินเรื่อง "ภูเขาน้ำแข็ง" กันมาบ้างใช่ไหมคะ:

• ส่วนเล็กๆ 10% ที่เรามองเห็นพ้นน้ำ คือ จิตสำนึก (Conscious Mind) ที่เราใช้คิด ใช้ตัดสินใจในแต่ละวัน

• ส่วนที่มีอิทธิพลจริงๆ คือ 90% ที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำ นั่นคือ จิตใต้สำนึก (Subconscious Mind) คลังเก็บโปรแกรมและความเชื่อทั้งหมดของเรา

• และที่สำคัญที่สุด คือ "มหาสมุทร" ที่โอบอุ้มเราไว้ นั่นคือ จิตเหนือสำนึก (Superconscious Mind) หรือ Highest Self ตัวตนที่แท้จริงของเรานั่นเองค่ะ

---

กลไกการขับเคลื่อนชีวิต: บทเรียนจาก "รถชีวิต" และ "GPS"

บทความนี้คือความเข้าใจ ที่แจนกลั่นกรองจากประสบการณ์ของตัวเอง ผ่านเรื่องราวของการขับ "รถชีวิต" ที่มาพร้อมกับ "ระบบนำทาง GPS" ที่เราทุกคนมี เพื่อนำทางการเดินทางของชีวิตให้กลับมาอยู่บนเส้นทางที่ใช่และเปี่ยมด้วยความหมายค่ะ

1. Higher Consciousness: GPS และแผนที่ชีวิตของเรา

เราทุกคนมีจิตสำนึกที่สูงกว่า หรือ Higher Consciousness เป็นเหมือน "ระบบดาวเทียม GPS อัจฉริยะ" ที่เชื่อมต่อกับเราอยู่เสมอ

• ✨ ตัวตนที่แท้จริง (Highest Self): นี่คือ จิตบริสุทธิ์เดิมแท้ของเรา แหล่งของปัญญา ความรัก และความสงบสุขที่ไร้เงื่อนไข

• ✨ เป็นผู้ถือพิมพ์เขียวของชีวิต: Highest Self คือผู้ที่ถือ "แผนที่ใหญ่" ของจิตวิญญาณ รู้เส้นทางทั้งหมด ไม่ใช่แค่ถนนในเมืองนี้ แต่เป็นภาพรวมของทุกการเดินทางที่จิตวิญญาณเคยผ่านมาและตั้งใจจะมุ่งหน้าไป

• ✨ เป็นระบบนำทาง GPS ภายใน: Highest Self สื่อสารกับเราอยู่ตลอดเวลาเหมือน GPS ที่คอยส่งสัญญาณบอกทางที่ดีที่สุดให้เสมอ ทางที่รถไม่ติด ทางที่ไม่ปิดซ่อมถนน.....สัญญาณเหล่านี้มาในรูปแบบของ ปัญญาญาณ, ลางสังหรณ์, ความรู้สึกถูกดึงดูดไปในทางใดทางหนึ่ง, ความคิดที่ปิ๊งแวบเข้ามา, หรือความรู้สึก "ใช่" ที่เกิดขึ้นในใจโดยไม่มีเหตุผล

2. Physical Consciousness: รถยนต์และตัวตน (Ego) ของฉัน

ส่วนที่สองคือจิตสำนึกทางกายภาพ หรือ Physical Consciousness ซึ่งก็คือ "รถยนต์ทั้งคัน" ที่เราใช้เดินทางบนโลกนี้ ชีวิตนี้ และศูนย์กลางของมันก็คือ Ego หรือตัวตน (Identity) ของเรานั่นเองค่ะ

ประกอบด้วยสองส่วนหลักที่ทำงานด้วยกัน:

2.1) จิตสำนึก (Conscious Mind): ตัวฉันที่เป็น "คนขับ"

นี่คือ "ตัวเรา" ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ซึ่งเป็น ส่วนที่ตระหนักรู้ ของ Ego ที่เราใช้ในการตัดสินใจในแต่ละวัน

• หน้าที่หลัก: มองไปข้างหน้า, คิดวิเคราะห์สภาพถนน, ตัดสินใจว่าจะเลี้ยวซ้าย-ขวา, จะเหยียบคันเร่งหรือเบรก และใช้เจตจำนง (Willpower) เพื่อควบคุมรถให้เป็นไปตามที่คิด

• ลักษณะเด่น: มีมุมมองที่จำกัด มองเห็นได้แค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่สามารถเห็นสภาพการจราจรในอีก 5 กิโลเมตรข้างหน้าได้ และสามารถโฟกัสกับการขับขี่ที่ซับซ้อนได้เพียงไม่กี่อย่างในเวลาเดียวกัน

📝 [ขยายความ]: เราจะเรียก จิตสำนึก (Conscious Mind) ว่า "คนขับ" และเรียก "คุณภาพ" ของคนขับคนนี้ว่า "สติ" (Consciousness / Awareness) ยิ่งเรามี สติ ที่แข็งแรงมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งตระหนักรู้ถึงความคิดและความเชื่อของตัวเองได้ดีขึ้นเท่านั้นค่ะ

2.2) จิตใต้สำนึก (Subconscious Mind): ระบบอัตโนมัติและเครื่องยนต์ของรถ

นี่คือ "ระบบทั้งหมดของรถ" ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งและขับเคลื่อนเราไปข้างหน้า

• หน้าที่หลัก: เป็นทั้ง "ระบบขับขี่อัตโนมัติ" (นิสัยที่เราทำไปเอง) ที่เกิดจากการเรียนรู้ซ้ำๆ ของคนขับ และ "ห้องเก็บข้อมูล" ที่บันทึกทุกประสบการณ์ ทุกความกลัว ทุกความเชื่อที่เคยถูกติดตั้งโปรแกรมไว้ และเป็น "เครื่องยนต์" ที่ดูแลระบบต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานต่อไป

• ลักษณะเด่น: ทำงานตลอดเวลาแม้เราจะหลับ และทำงานตามโปรแกรมที่ถูกติดตั้งไว้โดยไม่ตัดสิน เช่น หากเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีบนทางด่วน ระบบก็จะเปิดไฟเตือน "ความกลัว" ทุกครั้งที่คนขับจะขึ้นทางด่วน

3. กลไกการขับเคลื่อน: โหมดการทำงานของ Ego (ตัวกรองของชีวิต)

เมื่อเราทำความเข้าใจส่วนประกอบของรถ (คนขับ/จิตสำนึก และเครื่องยนต์/จิตใต้สำนึก) แล้ว เราจึงจะเข้าใจ Ego ได้อย่างแท้จริง เพราะ Ego ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่เป็น "ผลลัพธ์" ของการทำงานร่วมกันของทั้งสองส่วน

💡 Ego และโหมดการทำงาน

นี่คือความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับ Ego ที่เราจะนำมาใช้ในการถอดรหัสสัญญาณภายในของเราค่ะ

• Ego เป็นชุดความเชื่อและตัวกรองที่จำกัด (ผลผลิตของ Conscious + Subconscious) : 

Ego คือ Identity (ตัวตน) ที่มีหน้าที่หลักในการ คัดกรองความจริง เพื่อให้รู้สึกปลอดภัยและรักษาความอยู่รอดของตัวเอง (Survival Mechanism) ค่ะ

• พูดง่าย ๆ คือ Ego คือ "ก้อนน้ำแข็งทั้งลูก" ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกรองประสบการณ์ชีวิต

คนขับรถชีวิตคนนี้ (Conscious Mind) สามารถเลือกใช้งาน Ego นี้ได้ใน 2 โหมดหลัก ซึ่งขึ้นอยู่กับ "ความแข็งแรงของสติ" ที่ควบคุม:

• โหมดที่ 1: Fear-based Ego (โหมดขับเคลื่อนด้วยความกลัว):

  • เกิดขึ้นเมื่อ Conscious Mind (คนขับ) มี สติอ่อนแอ และถูกนำทางโดยโปรแกรมความกลัวที่มาจาก Subconscious เป็นหลัก

  • โหมดนี้สอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง 'Shadow Ego' หรือ 'Wounded Inner Child' ที่ขับเคลื่อนด้วย ความกลัว (Fear) และ ความต้านทาน (Resistance) ซึ่งเป็นโปรแกรมหลักที่เก็บอยู่ในจิตใต้สำนึก (Subconscious)

  • ผลลัพธ์: คนขับจะ ไม่เท่าทัน ความคิด/ความกลัว และ ไม่ได้ยินเสียงสัญญาณจาก GPS ภายใน

• โหมดที่ 2: Functional Ego (โหมดขับเคลื่อนด้วยสติ):

  • เกิดขึ้นเมื่อ Conscious Mind (คนขับ) มี สติแข็งแรง และเลือกใช้สติที่แข็งแรงนี้ในการ เท่าทัน ชุดความเชื่อเดิม ๆ ของ Ego

  • โหมดนี้สอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง 'Healthy Ego' หรือ 'The Observer/Witness' ซึ่งเป็น Ego ที่ได้รับการพัฒนาให้ทำงานภายใต้ การนำทางของสติที่แข็งแรง (Consciousness) ที่ 'คนขับ' (Conscious Mind) ได้ฝึกฝนมา

  • ผลลัพธ์: คนขับสามารถ คัดสรร ประสบการณ์ ลดเสียงรบกวน จาก Subconscious และ เปิดรับและเลือกทำตามสัญญาณการนำทางที่ชัดเจนจาก GPS ภายใน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น การเดินทางชีวิตของเราจึงขึ้นอยู่กับว่า Conscious Mind กำลังขับเคลื่อน Ego ของเราใน โหมดใด ในขณะนั้นค่ะ

---

หน้าจอ GPS: ภาษาของอารมณ์และความรู้สึก

แล้ว "คนขับ" (Conscious Mind) จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังขับไปถูกทางตามที่ GPS แนะนำ? คำตอบก็คือ "GPS" นั้นอยู่ตรงหน้าพวงมาลัยของเราตลอดเวลาค่ะ และหน้าจอนี้ก็คือ "อารมณ์และความรู้สึก" ของเรานั่นเอง

• เมื่อ "คนขับ" สติแข็งแรง - ทำงานใน Functional Ego Mode:

จะรับฟัง และหันพวงมาลัยไปในทิศทางที่ถูกต้อง (สอดคล้องกับ GPS/Highest Self)

"ระบบรถ" จะรู้สึกว่าทุกอย่างแล่นฉิว และส่งสัญญาณไปที่หน้าจอเป็น "ความรู้สึกดี" (สบายใจ, โล่ง, สนุก) 🟢

• เมื่อ "คนขับ" สติอ่อน - ถูกครอบงำด้วย Fear-based Ego:

ดึงดันที่จะหันไปในทิศทางที่ผิด (สวนทางกับ GPS/Highest Self)..."ระบบรถ" จะรู้สึกถึงแรงต้านมหาศาล และส่งสัญญาณเตือนไปที่หน้าจอเป็น "ความรู้สึกไม่ดี" (หงุดหงิด, กังวล, อึดอัด) 🔴

ซึ่ง สัญญาณเตือนสีแดง 🔴 นั้น ไม่ใช่ "สิ่งที่ไม่ดี" หรือ "ศัตรู" แต่เป็น "ข้อมูลที่มีค่า" (Valuable Data) เป็นเหมือนสัญญาณเตือนไฟไหม้ที่ไม่ได้เลวร้ายในตัวเอง แต่กำลังบอกข้อมูลสำคัญว่า "มีบางอย่างที่นี่ที่ต้องให้ความสนใจ"

❓ถ้าความรู้สึกคือภาษาของ GPS ภายใน…วันนี้หน้าจอของคุณกำลังสว่างเป็นไฟสีเขียว หรือสีแดงค่ะ?

---

ตัวอย่างการทำงานร่วมกัน: เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงของแจน

แจนอยากจะเล่าถึงตอนที่ชีวิตถึงทางแยกครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่ง เป็นการตัดสินใจออกจากบริษัทที่ตั้งขึ้นมากับกลุ่มเพื่อน ที่ช่วงหลังๆรู้สึกอึดอัดมากค่ะ

สถานการณ์ตอนนั้น: รถชีวิตของแจนกำลังวิ่งอยู่บนทางหลักที่ดูเหมือนจะมั่นคง แต่ลึกๆ แล้วแจนรู้สึกเหมือนกำลังขับรถผิดทาง มันคือทางแยกระหว่าง:

• 👉 เส้นทาง A: "ขับต่อไป" ในบริษัทเดิม แม้จะเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความรู้สึกอึดอัดใจ แต่ก็เป็นทางที่ "ปลอดภัย" มีรายได้แน่นอน

• 👉 เส้นทาง B: "เลี้ยวออกจากทางหลัก" เพื่อมาทำงานด้านจิตวิญญาณที่แจนรักและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เป็นเส้นทางใหม่ที่ยังมองไม่เห็นความมั่นคงข้างหน้าเลย

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับแจนค่ะ:

1. "คนขับ" (จิตสำนึก) ทำงานหนักมาก: ในขณะที่คนขับอยู่ในโหมด Fear-based Ego แจนคิดและวิเคราะห์ซ้ำไปซ้ำมา "ถ้าออกไปจะเอาอะไรกิน?", "งานด้านจิตวิญญาณจะสร้างรายได้ได้จริงเหรอ?", "คนอื่นจะมองเราว่ายังไง?" ตรรกะและเหตุผลทั้งหมดในหัวของแจนตอนนั้น บอกเสียงดังฟังชัดว่า "ทนทำต่อไป คือทางเลือกเดียวที่ฉลาดที่สุด"

2. "ระบบรถ" (จิตใต้สำนึก) ประท้วงอย่างหนัก: ถึงแม้ "คนขับ" จะพยายามฝืนไปต่อ แต่ "รถ" ของแจนกลับประท้วงอย่างหนัก ทุกเช้าตื่นมา "ไฟเตือน" แห่งความอึดอัด และ เซ็งมาก ก็สว่างวาบขึ้นมา "เครื่องยนต์" ก็เริ่มสั่นและไม่มีกำลัง (รู้สึกตัวหนัก หมดไฟ หมดพลัง) นี่คือสัญญาณจากภายในที่ตะโกนบอกว่า "เส้นทางนี้กำลังทำลายรถคันนี้นะ!"

3. "GPS" (Highest Self) พยายามส่งเสียง: แจนรู้ดีว่าลึกๆ แล้ว เสียงของ GPS พูดเบาๆ แต่ชัดเจนมาตลอดว่า "ถึงเวลาเลี้ยวแล้ว...เส้นทางของเธออยู่ข้างหน้า" แต่เสียงความคิดที่ดังในหัว ("มันเสี่ยงเกินไป!") และเสียงเตือนภัยจากร่างกาย ทำให้แจนแทบไม่ได้ยินเสียงนั้นเลย

4. จุดเปลี่ยน: เมื่อแจนยอม "จอดรถข้างทาง": ความอึดอัดและความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจมันถึงขีดสุด จนแจนฝืนขับต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว แจนจึงตัดสินใจ "จอดรถพักข้างทาง" ค่ะ แจนให้เวลากับตัวเองมากขึ้น พักอยู่กับความเงียบ และ "หยุด" ที่จะใช้ความคิดหาคำตอบ (ซึ่งเป็นการพัก Conscious Mind ให้กลับมามีสติ)

5. การรับสัญญาณ และการตัดสินใจครั้งสุดท้าย: ในช่วงเวลาที่เสียงความคิดวนในหัวดับลง... ในที่สุด คลื่นรบกวนก็หายไป แจนจึงได้ยินเสียงของ GPS ที่ส่งมาตลอดอย่างชัดเจนเต็มสองหู ความรู้สึก "ใช่" และ "ถึงเวลาแล้ว" ที่จะเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางสายจิตวิญญาณมันท่วมท้นจนเอาชนะความกลัวทั้งหมดได้ แจนจึงตัดสินใจครั้งใหม่: "ฉันจะเชื่อ GPS ของฉัน" แจนสตาร์ทรถอีกครั้ง และหักพวงมาลัยเลี้ยวออกจากทางหลักอย่างเด็ดเดี่ยว

วินาทีที่ตัดสินใจ ความรู้สึกอึดอัดทั้งหมดก็หายไปทันที เหลือเพียงความสงบสุขและการเป็นตัวของตัวเองอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นั่นคือสัญญาณยืนยันว่า "คนขับ" ได้เปลี่ยนจาก Fear-based Ego มาสู่ Functional Ego Mode และปรับจูนคลื่นให้ตรงกับ "GPS" ได้สำเร็จแล้ว

---

บทสรุปที่แจนได้เรียนรู้

เรื่องราวของแจนแสดงให้เห็นว่า ชีวิตของเราก็คือการเดินทางของ Ego ที่เรียนรู้ที่จะ "ปรับจูน" ตัวเองให้ตรงกับสัญญาณ GPS จาก Higher Consciousness

ภารกิจของเราในฐานะผู้เดินทาง ไม่ใช่การพยายามเป็นคนขับที่เก่งที่สุด แต่คือการเป็นคนขับที่ "ฉลาด" ที่สุด นั่นคือการฝึก สติ (Conscious Mind) ให้แข็งแรง

ยิ่ง คนขับ สามารถเปลี่ยนจาก Fear-based Ego ที่ยึดมั่นในแผนที่เก่า ๆ มาสู่ Functional Ego Mode ที่ไว้วางใจสัญญาณ GPS และขับตามเสียงนำทางนั้นได้ชัดเจนขึ้น... การเดินทางของรถชีวิตคันนั้นก็จะยิ่งราบรื่น, สวยงาม, และมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่ดีที่สุดได้อย่างง่ายดายและสงบสุข

เราทุกคนคือคนขับ และในขณะเดียวกัน เราก็คือเครือข่ายดาวเทียมที่คอยนำทางตัวเองอยู่ จงเรียนรู้ที่จะเชื่อมั่นในเสียงนำทางจากตัวตนที่แท้จริง (Highest Self) ของเรานะคะ

...ในบันทึกตอนต่อไป เราจะมาเริ่มต้นเปิดอ่าน 'จดหมายฉบับแรก' ที่ถูกส่งมาจากโลกภายในของเราทุกคืน... นั่นก็คือ "ความฝัน" ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ ✨

𝐖𝐢𝐭𝐡 𝐃𝐞𝐞𝐩 𝐋𝐨𝐯𝐞 & 𝐑𝐞𝐬𝐩𝐞𝐜𝐭 𝐭𝐨 𝐀𝐥𝐥 𝐋𝐢𝐟𝐞 𝐀𝐬 𝐎𝐧𝐞 💕