💌 บันทึกถอดรหัส #2: จดหมายจากความฝัน | ประตูบานแรกสู่การฟังเสียงข้างใน

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ 😊

ในซีรีย์นี้ เราคุยกันเรื่อง "สัญญาณ" หรือ "โพสต์อิท" ที่ จิตบริสุทธิ์เดิมแท้ของเรา (𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟) พยายามส่งมาให้เราค่ะ และหนึ่งในช่องทางที่ชัดเจนที่สุด ก็คือ ความฝัน ค่ะ บันทึกนี้ยาวหน่อยนะคะ แจนตั้งใจเรียบเรียงมาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้ไปด้วยกันค่ะ

1. ความฝัน: กระจกสะท้อนสภาวะภายใน

หลายครั้งที่เราอาจรู้สึกว่า "จำความฝันไม่ค่อยได้" หรือรู้สึกว่าฝันของตัวเองนั้น "ไร้สาระ" ซึ่งความรู้สึกแบบนี้เองค่ะที่เป็นเหมือนประตูที่ปิดกั้นเราจากการรับสารสำคัญ นี่คืออาการของ Fear-based Ego Mode ที่กำลังทำงาน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ Fear-based Ego มองว่าสิ่งไหนไม่สำคัญ มันก็จะลดความสำคัญของสิ่งนั้นลงและไม่เก็บมาใส่ใจ

ก้าวแรก: การที่เราจะเริ่ม "จำฝันได้" จึงเริ่มต้นจากก้าวแรกที่เรียบง่ายที่สุด นั่นคือ การเปิดใจและเห็นคุณค่า ว่าทุกเรื่องราวในฝันอาจเป็นจดหมายที่ส่งตรงมาจาก 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ของเราผ่านจิตใต้สำนึกจริงๆ

• Key สำคัญ: ไม่ว่าความฝันจะมาในรูปแบบไหน Key สำคัญที่เหมือนกันก็คือ ความฝันคือตัวสะท้อนสภาวะภายในของเราในปัจจุบันเสมอ ค่ะ มันคือกระจกที่ฉายภาพสภาวะตอนตื่นของเรา ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในฝันคือภาพสะท้อนของตัวเราทั้งหมดค่ะ

---

2. 3 รูปแบบหลักของ "จดหมาย" จากความฝัน

โดยทั่วไปแล้ว "จดหมาย" จากความฝันที่ส่งมาถึงเรา มักจะมี 3 รูปแบบหลักๆ ค่ะ

1. รูปแบบที่ 1: การ "ยืนยัน" (𝐀𝐟𝐟𝐢𝐫𝐦𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧)

   • เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้เติบโต, ก้าวข้าม, หรือปลดล็อกอะไรบางอย่างได้ในชีวิตจริง ความฝันก็จะสะท้อนภาพของสภาวะภายในที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นให้เราเห็นอย่างเป็นรูปธรรม

     
     

2. รูปแบบที่ 2: การเป็น "สัญญาณเตือน" (𝐖𝐚𝐫𝐧𝐢𝐧𝐠 𝐒𝐢𝐠𝐧𝐚𝐥)

   • หาก Fear-based Ego ยังมีปมปัญหา, ความกลัว, หรือความขัดแย้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ความฝันก็จะฉายภาพของ "ปม" นั้นซ้ำๆ เพื่อสะกิดให้เราหันมามองและ "จัดการ" กับพลังงานที่ติดขัดนั้น

     
     

3. รูปแบบที่ 3: "ภาพชีวิตของเราใน 𝐓𝐢𝐦𝐞𝐥𝐢𝐧𝐞 อื่น"

   • เพราะธรรมชาติของ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 หรือ 𝐀𝐓𝐌𝐀 ของเรานั้นเป็น 𝐌𝐮𝐥𝐭𝐢𝐝𝐢𝐦𝐞𝐧𝐬𝐢𝐨𝐧𝐚𝐥 (ดำรงอยู่หลายมิติในเวลาเดียวกัน) บางครั้ง 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 จึงอาจส่งภาพความเป็นไปได้ในชีวิตคู่ขนานอื่นๆ มาให้เราดู เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ หรือ เพื่อให้เราเห็นบทเรียนในอีกแง่มุมหนึ่ง หรือ อาจจะเป็นฝันบอกเหตุล่วงหน้าก็ได้ค่ะ

     
     

วันนี้แจนจึงอยากจะมาแบ่งปัน จดหมาย ล่าสุดที่เพิ่งได้รับจากความฝันของตัวเอง ให้เป็นเหมือน 𝐂𝐚𝐬𝐞 𝐒𝐭𝐮𝐝𝐲 ชวนทุกคนมาลองถอดรหัสไปด้วยกัน เพื่อให้เห็นว่าทุกรายละเอียดนั้น ไม่ใช่เรื่องสะเปะสะปะ แต่คือสัญลักษณ์ที่ถูกร้อยเรียงมาอย่างมีความหมายที่สุด...บันทึกนี้จึงเป็นเหมือนคู่มือเบื้องต้นให้ทุกคนฝึกถอดรหัสฝันของตัวเองกันค่ะ 😊

---

🌙 Part 1: เรื่องเล่าจากฝันเมื่อคืน (Raw & Real)

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น ในบ้านที่โปร่งโล่ง และ สว่างไสว ทั่วบริเวณ จากแสงดวงอาทิตย์ที่ผ่านหลังคาที่เป็นกระจกใสลงมา บ้านหลังนี้ไม่มีห้องกั้น ทุกพื้นที่เชื่อมถึงกันหมด มีเพียงระดับพื้นที่สูงต่ำแตกต่างกันไป ที่นั่นมีผู้คนที่แจนคุ้นเคยอยู่ด้วย ทุกคนสวมเสื้อผ้าตามปกติ แต่ตัวแจนเอง... กลับเปลือยเปล่าอยู่คนเดียว แต่สิ่งที่น่าแปลกคือความรู้สึกตอนนั้น มันกลับเป็นธรรมชาติ และ เป็นธรรมดาอย่างที่สุด ไม่มีความรู้สึกเขินอาย หรือ คิดว่ามันไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อยค่ะ

• ความแตกต่างจากอดีต: ซึ่งมันแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ เพราะเมื่อก่อนแจนฝันเรื่องทำนองนี้บ่อยมาก ทั้งฝันว่าไม่ได้ใส่เสื้อผ้า, เสื้อหายบ้าง, กางเกงหายบ้าง แต่ในฝันเหล่านั้นแจนจะรู้สึกอายมากและพยายามหาที่หลบซ่อนอยู่เสมอ.....การที่ความรู้สึกในฝันครั้งนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากสำหรับแจนค่ะ มีจังหวะหนึ่งที่แจนลองมองตัวเองผ่านสายตาของคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามัน 'โป๊' หรือ 'ไม่เหมาะสม' แต่อย่างใดค่ะ

  
  

จากนั้นภาพก็เปลี่ยนมาที่ ตลาดนัดกลางแจ้งยามเย็น คราวนี้แจนสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและสบายๆ เพื่อให้ดูกลมกลืนไปกับผู้คน และตอนนั้นเองที่แจนเห็น รุ้งกินน้ำสองวงซ้อนกันอย่างชัดเจน มันไม่ได้อยู่ไกลสุดขอบฟ้า แต่อยู่ตรงหน้า เหนือตลาดนัดนั้นเลยค่ะ แจนเห็นจุดเริ่มต้นของมันจากพื้นดิน ที่อยู่ข้างหน้าไม่ไกลนัก และค่อยๆ ไล่สีโค้งขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่เมื่อหันไปบอกเพื่อนที่มาด้วยกัน เขากลับมองไม่เห็น... มีเพียงแจนคนเดียวที่เห็นภาพนั้น

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเพลง ‘𝐎𝐯𝐞𝐫 𝐓𝐡𝐞 𝐑𝐚𝐢𝐧𝐛𝐨𝐰’ ดังขึ้น เสียงร้องนั้นไพเราะราวกับเสียงสวรรค์ จากนักร้องที่หล่อมาก เหมือน โดม ปกรณ์ ลัม 😁 และ ทั้งเสียง รูปลักษณ์ และ การสีหน้าท่าทาง การแสดงของนักร้องนั้น ดึงดูดความสนใจ เหมือนโดนสะกด จนกลบความจอแจวุ่นวายของตลาดจนเงียบสนิท.....ซึ่งเพลงนี้มีความหมายกับแจนมาก เป็นเพลงที่เคยฝึกร้องด้วยใจรักและใช้ประกวดจนชนะสมัย ม.ปลาย....เมื่อเพลงจบลง นักร้องก็เดินหายไป แจนรู้สึกสนใจเค้ามากจนต้องเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อถามว่าจะติดตามนักร้องคนนี้ได้อย่างไร และก็มีผู้จัดการของเค้าเดินออกมาบอกว่า "เขาเพิ่งเริ่มร้องเพลงลงโซเชียลน่ะค่ะ ยอดวิวยังแค่หลักร้อยเอง"

---

🔍 Part 2: ถอดรหัสสัญญาณที่ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ส่งถึง Ego 🗝️

กุญแจเบื้องต้นสู่การแปลความฝัน

Key สำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการแปลความฝันก็คือ 'ตอนตื่นนอนเรารู้สึกอย่างไร' ความรู้สึกนี้จะคุม Theme ของการแปลความฝันทั้งหมดเลยค่ะ อย่างในฝันครั้งนี้ของแจน แจนตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึก 'เต็ม และอบอุ่นที่กลางอก' และ 'ตื่นมาด้วยรอยยิ้ม' ค่ะ นั่นหมายความว่า ไม่ว่าเรื่องราวจะดูแปลกแค่ไหน แต่ภาพรวมของ 'จดหมาย' ฉบับนี้ เป็นไปในทางบวกและเป็นการให้กำลังใจอย่างแน่นอน

ความหมายทั่วไปของสัญลักษณ์:

• 🏡 'บ้าน' ในความฝันมักจะหมายถึง 'ตัวตน' ของเราเอง

• 🎪 'ตลาดนัด' จะหมายถึง 'โลกภายนอก'

• 👨‍👩‍👧‍👦 'ผู้คน' ในบ้าน ก็มักจะเป็น 'แง่มุมต่างๆ ภายในตัวเรา' หรือ พลังงานของ Soul Family ของเรา

• 🌈 'สายรุ้ง' ก็เป็นสัญลักษณ์สากลของ การเริ่มต้นใหม่ สะพานเชื่อมสองโลก ความหวังและคำสัญญา ค่ะ

  
  

ข้อสำคัญ: ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความหมายกลางๆ เวลาที่เราจะตีความฝันของตัวเองจริงๆ เราจำเป็นต้องดู บริบท (Context) ทั้งหมด และ ใช้ความรู้สึกของเราเป็นตัวนำทาง เพราะสัญลักษณ์เดียวกันอาจมีความหมายที่แตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคนค่ะ

การถอดรหัสฝันของแจน:

💖 จุดเริ่มต้น: การยอมรับตัวเองอย่างสมบูรณ์ คือรากฐานที่แท้จริง

• สถาปัตยกรรมของบ้าน (ไม่มีห้องกั้น, ทุกพื้นที่เชื่อมถึงกัน) คือภาพของตัวตนภายในของแจนที่ได้ยอมรับในทุกมิติของตัวเองแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านที่ 'สูง' หรือ 'ต่ำ' ทุกแง่มุมถูกมองเห็น และ เชื่อมโยงถึงกันหมด

• สภาวะที่โปร่งใสต่อตนเองนี้ (Total Self-Acceptance) คือสภาวะที่ Fear-based Ego ได้คลายเกราะป้องกันลง และ Functional Ego Mode สามารถทำงานได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถรับแสงสว่างผ่านหลังคาลงมา...ได้อย่างเต็มที่ เพราะ สภาวะที่ Ego เปลือยเปล่า คือการเป็นช่องทางที่บริสุทธิ์

• การที่รู้สึกเป็นปกติธรรมดาแม้กระทั่งในตอนที่มองตัวเองผ่านสายตาของคนอื่น คือสภาวะของการยอมรับตัวเอง และผู้อื่น ได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง (𝐓𝐨𝐭𝐚𝐥 𝐒𝐞𝐥𝐟-𝐀𝐜𝐜𝐞𝐩𝐭𝐚𝐧𝐜𝐞) มันคือสภาวะที่ Ego เป็นอิสระจากความกลัวต่อคำตัดสินของผู้อื่น โดยสิ้นเชิง และสภาวะที่สงบสุขและกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเองนี้เอง คือ "แหล่งกำเนิดแสง" (𝐒𝐨𝐮𝐫𝐜𝐞) ที่แท้จริง

  
  

⚖️ ความสมดุลระหว่างโลกภายในและภายนอก (การเปลือยกาย vs. การสวมเสื้อผ้า)

• ในขณะที่แจนเปลือยกายใน 'บ้าน' (โลกภายใน) แต่เมื่อออกมาสู่ 'ตลาดนัด' (โลกภายนอก) แจนกลับสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่าย สบายๆ นี่คือภาพสะท้อนของ 'ความสมดุล' และวุฒิภาวะค่ะ มันหมายความว่า เราสามารถเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง และ โปร่งใสที่สุดเมื่ออยู่กับตัวเอง และในขณะเดียวกัน ก็สามารถ 'ปรับตัว' เพื่อใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างกลมกลืนและสบายๆ โดยไม่สูญเสียแก่นแท้ของตัวเองไป

  
  

🌟 ภาพสะท้อนสู่โลกภายนอก: พลังดึงดูดที่แท้จริง

• สภาวะที่เกิดขึ้นในบ้าน ไม่ได้จบอยู่แค่ข้างใน แต่มันได้ "ฉาย" หรือ "โปรเจค" ออกมาสู่โลกภายนอก กลายเป็นภาพของนักร้องที่ทั้งรูปลักษณ์และเสียงร้องมีพลังดึงดูด พลังงานที่สะกดทุกความสนใจ และ สามารถกลบเสียงความวุ่นวายของตลาดลงได้นั้น ไม่ได้มาจากที่อื่นเลย แต่มาจากสภาวะที่สงบนิ่งและเปิดรับแสงจาก 𝐒𝐨𝐮𝐫𝐜𝐞 ได้อย่างเต็มที่จากฉากแรกนั่นเองค่ะ

  
  

🎶 บทเพลงแห่ง Passion: สูตรสำเร็จที่ถูกย้ำเตือน

• การที่จิตใต้สำนึกเลือกเพลง "𝐎𝐯𝐞𝐫 𝐓𝐡𝐞 𝐑𝐚𝐢𝐧𝐛𝐨𝐰" ที่แจนเคยทำด้วยใจรักจนชนะการประกวด คือการส่งรหัสที่ชัดเจนที่สุดค่ะ แจนจำได้ว่าตอนนั้นที่เริ่มฝึกร้องเพลงนี้ ฝึกทุกวันเพราะความสนุกล้วนๆ จนกระทั่งมีโอกาสได้ร้องให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อนๆ เหมือนโดนสะกดจากเสียงของแจน... มันคือการย้ำเตือน 'สูตรสำเร็จ' ส่วนตัวของแจนว่า ผลพลอยได้จากความสนุกของเรา คือการทำให้คนอื่นมีความสุข และนั่นจะนำไปสู่ชัยชนะหรือความสำเร็จในท้ายที่สุด ความฝันกำลังบอกเราด้วยภาพที่ชัดเจนว่า หากเราทำงานในเส้นทางปัจจุบันด้วย 'สูตร' เดียวกันนี้ สุดท้ายก็จะ 'ซ้ำรอยเดิม' นั่นคือความสำเร็จนั่นเอง

  
  

แล้ว 'สูตรสำเร็จ' ที่เกิดจากความสุขของเพื่อนๆคืออะไรคะ? 😎

🌈 สัญญาณและปลายทาง: สะพานสายรุ้ง และ บทเพลงกลับบ้าน

• นี่คือ "สัญญาณ" ที่ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ส่งมาบอกถึงภารกิจของเราโดยตรง รุ้งที่เห็นคือ 'สะพาน' (Bridge) ที่เชื่อมระหว่างโลกแห่งความเป็นจริง (พื้นดิน) กับโลกแห่งจิตวิญญาณ (ท้องฟ้า) มันคือภาพสะท้อนของงานที่แจนทำ ที่คอยเป็นสะพานนำทางให้ผู้คน......

• การที่แจนเห็นสายรุ้งนี้เพียงคนเดียว ก็เป็นการตอกย้ำว่า นี่คือเส้นทาง และ วิสัยทัศน์ที่เป็นของแจนโดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาเห็นด้วยหรือยืนยัน ความฝันกำลังบอกให้เราเชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นด้วยสายตาข้างในของเราเอง

• ความหมายของเพลงที่บอกให้เรามอง "เหนือรุ้งขึ้นไป" ก็คือการบอกถึงปลายทางของสะพาน ว่ามันคือการเดินทางเพื่อ 'กลับบ้าน'... กลับไปสู่ Source และ การได้ยินเพลงที่ตัวเองเคยใช้ประกวดจนชนะ คือกุญแจที่จิตใต้สำนึกส่งมาเพื่อปลดล็อกให้แจนตระหนักรู้ว่า "นักร้องคนนั้น ก็คือแจนเอง" ที่มี 𝐌𝐢𝐬𝐬𝐢𝐨𝐧 & 𝐏𝐚𝐬𝐬𝐢𝐨𝐧 ในการ 'พาตัวเองกลับบ้าน' ก่อนเป็นสำคัญค่ะ และเมื่อแสงสว่างในตัวเราชัดเจนพอแล้ว ถ้ามีโอกาส ก็อาจจะทำให้ 'กลุ่มดวงจิตที่เคยผูกพัน' และมีเป้าหมายร่วมกัน มองเห็นเส้นทาง...แล้วเราก็ได้กลับบ้านไปด้วยกันค่ะ

  
  

🚶‍♀️ การตัดสินใจของ Ego: จากผู้รับสารสู่ผู้ร่วมเดินทาง

• นี่คือจังหวะที่สำคัญมากค่ะ มันคือตอนที่ Ego หรือจิตสำนึก ไม่ได้เป็นแค่ผู้รับสารที่อยู่นิ่งๆ อีกต่อไป แต่ได้ตัดสินใจที่จะ "ลงมือทำ" เพื่อตอบรับสัญญาณนั้น การที่แจนเดินไปที่เคาน์เตอร์ Information เพื่อ 'ติดตาม' นักร้อง (ภาพสะท้อนศักยภาพสูงสุดของเรา) คือ ภาพของการที่จิตสำนึกของเราพูดว่า "ฉันพร้อมแล้วที่จะเดินทางสายนี้อย่างจริงจัง ฉันจะค้นหาหนทางเพื่อที่จะเป็นคนๆ นั้นในชีวิตจริง"

  
  

✅ คำอนุญาตให้เริ่มต้น: สาส์นสุดท้ายจากความฝัน

• นี่คือปัญญาญาณจาก 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ที่มอบแนวทางปฏิบัติที่ทำได้จริงให้กับ Ego ซึ่งมาในรูปของผู้จัดการ เพื่อตอบคำถามที่ Ego ตั้งใจไปค้นหา คำตอบที่ว่า "ยอดวิวยังหลักร้อย" คือการปลดล็อก Ego จากความกดดันที่ต้องสมบูรณ์แบบ มันคือการให้ไฟเขียวว่า "จงเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ที่เธอทำได้เลย... นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องแล้ว"

---

🌍 Part 3: เมื่อจดหมายจากฝัน...เปลี่ยนโลกความจริง 🌱

ความฝันไม่ได้มาเพื่อ "สอน" สิ่งใหม่ แต่มาเพื่อ "ยืนยัน" (Affirm) สิ่งที่แจนได้ตกผลึก และ ปลดล็อกได้สำเร็จแล้ว ในโลกความจริง มันคือภาพสะท้อนของสภาวะภายในที่เกิดขึ้นจริง และได้มอบบทเรียนเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้น

✨ เป้าหมายคือการทำให้ Ego สงบและปลอดภัย: 

สภาวะที่ปลอดภัยตอนเปลือยกายในฝัน ทำให้ Ego "สงบลง" และรู้สึก "ปลอดภัย" ที่จะเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง และเมื่อ Ego รู้สึกปลอดภัย มันจะลดการป้องกันตัวลง เปิดใจ และสามารถรับฟังเสียงจาก 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

✨ พลังดึงดูดที่แท้จริงมาจากข้างใน: 

เมื่อรากฐานข้อแรกมั่นคงแล้ว สิ่งนี้จะตามมาโดยอัตโนมัติ ความฝันได้แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า พลังเหนี่ยวนำ และ พลังในการสร้างสรรค์ของเรา (นักร้อง) ไม่ได้มาจากการพยายามสร้างภาพลักษณ์ภายนอก แต่เกิดจากการบ่มเพาะความสงบสุข และ การเปิดรับแสงจาก Source จากภายใน (สภาวะในบ้าน)

✨ เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของตัวเอง: ภาพที่เห็นสายรุ้งคนเดียว ยิ่งทำให้เรากล้าที่จะเดินตามสัญชาตญาณของตัวเองมากขึ้น เพราะรู้ว่ามันคือสัญญาณที่ถูกส่งมาเพื่อเราโดยเฉพาะ

✨ มอบความกล้าที่จะเริ่มต้น: และสุดท้าย ความฝันนี้ได้มอบ "ใบอนุญาต" ให้เรากล้าที่จะเริ่มต้นทำตามความฝัน โดยไม่ต้องรอให้ทุกอย่างพร้อม เพราะคุณค่าที่แท้จริงคือความกล้าหาญที่จะ "เริ่ม" จากจุดเล็กๆ

---

💎 บทสรุป

สำหรับเพื่อนๆ ที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะรู้สึกว่าความฝันนี้ดูเป็นระบบระเบียบและชัดเจนมาก แต่แจน

อยากจะบอกว่า กว่าจะเข้าใจการสื่อสารจาก 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ผ่านทางฝันได้ขนาดนี้ แจนเองก็เคยผ่านช่วงที่รู้สึกว่าฝันของตัวเองนั้นสะเปะสะปะมาก่อนเหมือนกันค่ะ

ทั้งหมดนี้เกิดจากการฝึกฝนค่ะ... การฝึกที่จะ ใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำได้, ใช้ความรู้สึกของเรานำทางก่อน ว่าในฝันเรารู้สึกอย่างไร, แล้วจึงค่อยๆ เข้าไปในเรื่องราว เพื่อเชื่อมโยง และ สะท้อนความหมายในทุกๆ เช้า.....เมื่อเราฝึกฝนบ่อยๆ ด้วยความเชื่อมั่น ความฝันจะค่อยๆ เปลี่ยนจากเรื่องราวที่สับสน มาเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มหาศาล ที่ช่วยนำทาง, ให้คำตอบ และ ปลดล็อคปมปัญหาต่างๆอย่างนิ่มนวลตามความพร้อมของแต่ละคน.....ทำให้เราใช้ชีวิตในแต่ละวันได้ง่ายขึ้น มีสภาวะของความ '𝐄𝐚𝐬𝐞 𝐚𝐧𝐝 𝐅𝐥𝐨𝐰' มากขึ้นจริงๆ ค่ะ 🥰

เพื่อนๆ เคยได้รับ ‘สัญญาณ’ จากความฝันที่ทำให้ชีวิตจริงเปลี่ยนไปบ้างไหมคะ?

แจนหวังว่าเรื่องราวนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้ทุกคนหันกลับมาให้คุณค่ากับความฝันของตัวเอง ลองเปิดใจรับฟัง... ไม่แน่ว่าคืนนี้ เพื่อนๆอาจจะได้รับ "จดหมาย" ฉบับสำคัญที่สุดฉบับหนึ่งในชีวิตของเราก็ได้นะคะ

แล้วพบกันในบันทึกที่ 3 นะคะ ซึ่งแจนจะมาขยายความต่อถึง 'จดหมาย' อีก 2 รูปแบบที่เหลือ ทั้งฝันที่เป็น 'สัญญาณเตือน' และฝันที่พาเราไปเห็น 'ชีวิตใน Timeline อื่น' ค่ะ✨

𝐖𝐢𝐭𝐡 𝐃𝐞𝐞𝐩 𝐋𝐨𝐯𝐞 & 𝐑𝐞𝐬𝐩𝐞𝐜𝐭 𝐭𝐨 𝐀𝐥𝐥 𝐋𝐢𝐟𝐞 𝐀𝐬 𝐎𝐧𝐞 💕