🚦 บันทึกถอดรหัส #5: คู่มือภาคปฏิบัติสำหรับการฟังเสียง 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ระหว่างวัน

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน 🥰

ในบันทึกฉบับที่แล้ว เราได้เรียนรู้จาก "คู่มือเข้าใจธรรมชาติของ Ego" กันไปแล้วนะคะ เมื่อเราเริ่มมีสติเท่าทันและสามารถ "ปล่อย ถอย ลอยตัว" ออกมาจากเสียงรบกวนของ Ego นั้นได้ ก็จะเกิด "พื้นที่ว่าง" ที่เงียบสงบขึ้นภายใน เพื่อให้เราสามารถสื่อสาร รับรู้ ใสๆ ตามความเป็นจริงจาก Highest Self (จิตบริสุทธิ์เดิมแท้) ของเราค่ะ

วันนี้ แจนอยากจะชวนมาฝึกฝนผ่าน "คู่มือภาคปฏิบัติสำหรับการฟังเสียง Highest Self" กันต่อค่ะ เราจะมาถอดรหัส "ภาษา" ที่ Highest Self และ Ego ใช้สื่อสารกับเราในยามตื่น ซึ่งก็คือ "สัญญาณไฟจราจร" แห่งความรู้สึก ที่คอยนำทางเราอยู่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ

ไฟจราจรนี้เองที่เป็นตัวสะท้อนว่า เรากำลังขับเคลื่อนด้วย Functional Ego Mode (สติแข็งแรง ที่ได้ยินเสียง Highest Self) หรือ Fear-based Ego Mode (สติอ่อนแอ) ค่ะ

ลองหลับตาสักครู่ และสังเกตร่างกายของคุณตอนนี้…

รู้สึกถึงความตึงหรือความสบายตรงไหน?

ให้เวลา 30–60 วินาที เพื่อรับรู้สภาวะภายในของตัวเอง

ชีวิตก็เหมือนการขับรถไปบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยค่ะ Highest Self ของเราคือระบบ GPS อัจฉริยะที่รู้เส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับเราอยู่แล้ว และ Highest Self ก็ส่งสัญญาณบอกเราตลอดเวลาผ่าน "ความรู้สึก" ของเรานี่เอง

ลองถามตัวเองซิคะ: “ฉันพร้อมจะฟัง Highest Self ของฉันจริงๆ หรือยัง?”

ปล่อยเวลาสำหรับการสัมผัสการตอบสนองภายในตัวเองอย่างเงียบ ๆ

สัญญาณไฟ	แหล่งที่มา	ลักษณะความรู้สึก	ความหมาย
🟢 ไฟเขียว	Highest Self	"ใช่เลย!", สบายใจ, โล่ง, สนุก, ชัดเจน, เข้าใจกระจ่างแจ้ง	บอกให้เรา "ไปต่อ" ได้เลย
🔴 ไฟแดง	Fear-based Ego	"ไม่ใช่", อึดอัด, หงุดหงิด, กังวล	สัญญาณเตือนด้วยความรักให้เรา "หยุดทบทวนเส้นทาง"

การเดินทางของชีวิตจึงไม่ใช่การพยายามขับไปให้เร็วที่สุด แต่คือการเป็น "คนขับที่ฉลาด" ที่ได้ฝึก สติ ให้แข็งแรงจนสามารถทำงานใน Functional Ego Mode เพื่อเรียนรู้ที่จะสังเกตและเชื่อมั่นในสัญญาณไฟจากภายในของตัวเองค่ะ

---

💎 Part 1: ถอดรหัส 4 ภาษาของ "ไฟเขียว" และ "ไฟแดง"

มาดูกันค่ะว่าสัญญาณไฟเหล่านี้ แสดงออกมาผ่าน "ภาษา" ทั้ง 4 รูปแบบในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไรบ้าง

1️⃣ ภาษาของร่างกาย 🧘‍♀️

ร่างกายของเราคือ เครื่องรับสัญญาณที่ซื่อสัตย์ที่สุด ค่ะ

🟢 ไฟเขียว (Highest Self): รู้สึกถึงการ "ขยายตัว" ภายใน อกโล่ง, หายใจได้เต็มปอด, รู้สึกเบาสบาย, ร่างกายยืดหยุ่นและผ่อนคลาย นี่คือสภาวะที่พลังงานในตัวเรากำลังไหลเวียนอย่างอิสระ

ลองใช้ 3 ลมหายใจลึกๆ 

และสังเกตร่างกายตอนนี้…

รู้สึกถึงพื้นที่ที่ขยายตัวภายในหรือไม่?

🔴 ไฟแดง (Ego): รู้สึกถึงการ "หดเกร็ง" ภายใน อาการจุกแน่นในท้อง, ปวดตึงที่คอบ่าไหล่, หรือ อาการ "เกร็งก้น" หรือ "กัดกราม" โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อ Ego เข้าสู่โหมดเอาตัวรอดจากความกลัว หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย

สังเกตร่างกายของคุณว่า มีส่วนไหนที่ตึงหรือต้องคลาย?

ให้เวลา 30–60 วินาที.......

ลองปรับลมหายใจเข้าให้ยาวๆ ลึกๆ และ หายใจออกทางปากช้าๆ สบายๆ

ค่อยๆผ่อนคลายความตึงนั้นช้าๆ

📝 ตัวอย่างจากประสบการณ์ของแจน:

สำหรับคนส่วนใหญ่ในสังคมเรา รวมถึงตัวแจนเอง ตัว Trigger สัญญาณไฟแดงที่ชัดที่สุดเลยคือ "ข้อจำกัดเรื่องเงินและเวลา" ค่ะ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับ เป้าหมายหรือเส้นตายที่กำหนดโดยโลกภายนอก (External Deadlines) เช่น ความกดดันด้านตัวเลขและความสำเร็จที่ต้องทำให้ได้ตามกรอบเวลา พอความกดดันเหล่านี้รุมเร้าเข้ามา สัญญาณ "ไฟแดง" จะสว่างวาบขึ้นมาในร่างกายทันทีเลยค่ะ

อาการของแจนคือ จะหายใจสั้นลงโดยอัตโนมัติ และรู้สึกตึงที่คอ บ่า ไหล่ขึ้นมาทันที ซึ่งอาการของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันไปนะคะ นี่คือสัญญาณที่ Ego กำลังส่งเสียงเตือนเรื่อง "การอยู่รอด" และ "คุณค่าในตัวเอง" อย่างสุดกำลังค่ะ

แต่พอแจนฝึกสติ สังเกตุสภาวะภายในของตัวเองเป็นประจำ ก็จะ "รู้ตัวทัน" ค่ะ เมื่อจับสัญญาณนี้ได้ แจนจะหยุดทุกอย่าง แล้วค่อยๆ สอน Ego ของตัวเองด้วยความอ่อนโยน ด้วยการปรับลมหายใจให้ยาวและลึกขึ้น ค่อยๆ คลายกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ หรือลุกไปเดินเปลี่ยนบรรยากาศสักพัก นี่คือการ "หยุดรถเมื่อเจอไฟแดง" เพื่อไม่ให้เราขับต่อไปด้วยความตื่นตระหนก และเป็นการสร้าง "นิสัยของจิตใหม่" ที่จะรับมือกับความกลัวด้วยความสงบและความเข้าใจค่ะ

---

2️⃣ ภาษาของอารมณ์ 💖

อารมณ์คือตัวชี้วัดสภาวะ หรือ Vibration ของเราโดยตรงค่ะ และเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อน เพราะแม้แต่ "ความสุข" ก็มีที่มาจากสองฐานที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงค่ะ

🟢 ไฟเขียว (Highest Self):

• นี่คือ ความสุขบนฐานของ Highest Self หรือ ฐานความเป็นจริง ค่ะ....เป็นสภาวะที่สัมผัสได้ถึง 3 แก่นแท้ คือ Joy (ความเบิกบานใจ), Clarity (ความกระจ่างแจ้ง), และ Appreciation of Life (ความซาบซึ้งใจ) ไม่ใช่ความตื่นเต้นหวือหวาที่มาจาก Adrenaline นะคะ แต่เป็นความสุขอิ่มเอมใจที่ผลิบานจากข้างใน ที่มีความรู้สึก ระรื่น เบาๆ ใสๆ เหมือนเด็กๆ เป็นความสุขที่ เต็มไปด้วยความเข้าใจกระจ่างแจ้ง, และความรู้สึกของการเติบโตขยับขยาย อยู่เสมอค่ะ

🔴 ไฟแดง (Ego):

• สัญญาณไฟแดงจาก Ego ไม่ได้มาในรูปแบบของความรู้สึกแย่ๆ เสมอไปนะคะ แต่มี 2 รูปแบบที่เราต้องเท่าทันค่ะ

  
  

  • ความทุกข์ที่ชัดเจน: คือความรู้สึก "หงุดหงิด" กับเรื่องซ้ำๆ, "เฉื่อยชา" ที่ต้องฝืนใจทำ, หรือความรู้สึก "หนัก-หน่วง-เหนื่อย-หนืด" ซึ่งล้วนมีรากมาจากความกลัวและความกังวล

    
    

  • ความสุขบนฐานของ Ego: เป็นสัญญาณไฟแดงที่อันตรายที่สุด เพราะมันปลอมตัวมาในรูปแบบของความสบายค่ะ มันคือ ความสบายแบบแช่ๆ เฉื่อยๆ ตื้อๆ ที่มาจากการหลอกตัวเอง, การวนอยู่กับความเคยชินเดิมๆ, และการติดอยู่ใน Comfort Zone ชอบหนี หลีกเลี่ยง ไม่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะเรียนรู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวเองค่ะ

    
    

และบางทีก็จะชอบออกไปเรียนรู้เรื่องข้างนอกตัว เพื่อให้รู้สึกว่ารู้มาก แต่ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นค่ะ....เป็นความสุขที่ทำให้เรารู้สึก "ปลอดภัย" แต่ไม่ได้นำไปสู่การ "เติบโต" และไม่ได้ทำให้เรารู้สึก "เต็มล้น" จากภายในอย่างแท้จริงค่ะ

🟡 ไฟเหลือง (Growth-Spurting Emotion):

• เป็นความรู้สึกที่บ่งบอกถึงการก้าวข้ามขีดจำกัดค่ะ โดยทั่วไปจะมาในรูปแบบของ.....ตื่นเต้นปนหวั่นไหว, ความไม่คุ้นเคยกับการขยายขีดจำกัด, หรือ ความรู้สึกสั่นคลอน/ไม่มั่นคง ที่เกิดจากการตัดสินใจทำสิ่งในใหม่ หรือ เริ่มก้าวออกจาก Comfort Zone

• ความรู้สึกนี้แตกต่างจากไฟแดงตรงที่ แม้จะกลัว แต่ก็มี ความมุ่งมั่นภายใน (Inner Drive) ที่จะไปต่อเสมอ สัญญาณนี้บอกให้เรา "ชะลอและสังเกต" เพื่อรับรู้ความกลัวอย่างอ่อนโยน แต่ไม่จำเป็นต้องหยุด เพียงแค่ "หายใจลึกๆ และเดินหน้าอย่างมีสติ" ต่อไปค่ะ

หายใจเข้า-ออก 3 รอบ

และปล่อยให้อารมณ์ไหลผ่านโดยไม่ต้องพยายามเปลี่ยน

และลองถามตัวเอง: “ความรู้สึกในใจฉันตอนนี้เป็นไฟเขียวหรือไฟแดง?”

ให้เวลา 30 วินาที สัมผัสอารมณ์โดยไม่ตัดสิน

---

3️⃣ ภาษาแห่งเหตุการณ์ 🌠

สังเกตสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวเราค่ะ

🟢 ไฟเขียว (Highest Self - Synchronicity):

นี่คือหลักฐานที่จับต้องได้ว่าเรากำลัง "Align (สอดคล้อง แนบเนียน)" กับ Highest Self ค่ะ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจาก กฎแห่งการสั่นสะเทือน (Law of Resonance) เมื่อ "สภาวะภายใน" ของเรารู้สึกไหลลื่น รวบกระชับ" (Focus) ขณะเดียวกันก็รู้สึก ผ่อนคลาย โปร่งโล่ง เบาสบาย" (Ease an Flow).....เรากำลังส่งคลื่นความถี่เชิงบวกออกไป และกลไกธรรมชาติ ก็จะตอบสนองด้วยการจัดเรียงสถานการณ์ที่สอดคล้องกันเข้ามาบน "เส้นทางที่ไหลลื่น เบาสบาย" ให้เราค่ะ

• Synchronicity ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องไล่ตาม แต่เป็น "ผลพลอยได้" ที่เกิดขึ้นเองเมื่อเราทำหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือการ "Align" เช่น...

  • 🎬 จู่ๆ ก็นึกอยากดูหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วพบว่าเนื้อหาในหนังช่วยให้เราตกผลึกบทเรียนชีวิตในช่วงนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์

  • 📱 กำลังมีคำถามค้างคาใจ แล้วพอเลื่อนดูโซเชียลมีเดีย ก็เจอคลิปหรือบทความที่ให้คำตอบพอดิบพอดี

  • ✨ เจอคนที่เพิ่งนึกถึง หรือได้รับโอกาสในจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ

  • ⏰ การเหลือบไปเห็นตัวเลขซ้ำๆ บนนาฬิกาโดยบังเอิญ ทั้งหมดนี้คือการ "ขยิบตา" จาก Highest Self เพื่อยืนยันว่า "เธอ Align แล้วนะ!"

🔴/🟡 ถอดรหัส "แรงต้าน" ผ่านกฎแห่งการสั่นสะเทือน: นี่คือไฟแดง หรือ ไฟเหลือง?

เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกเหมือนเจอ "แรงต้าน" หรือ "ความฝืด" ให้รู้ไว้เลยว่านี่คือ กฎแห่งการสั่นสะเทือน (Law of Resonance) กำลังทำงานอย่างเที่ยงตรงค่ะ กลไกธรรมชาติกำลังสะท้อน "คลื่นพลังงานภายใน" ของเราออกมาเป็นสถานการณ์ภายนอกให้เราเห็น แต่ก่อนที่เราจะรีบตัดสินใจ ให้เราลองใช้สติปัญญาภายในแยกแยะดูสักนิด ว่าแรงสั่นสะเทือนที่เราส่งออกไปนั้น กำลังดึงดูด "ไฟแดง" หรือ "ไฟเหลือง" เข้ามากันแน่

🔴 ไฟแดง (Ego - Resistance): สัญญาณสะท้อนของ "การสั่นสะเทือนที่ไม่สอดคล้อง" นี่คือผลโดยตรงจากการที่ "สภาวะภายใน" ของเรากำลังสั่นสะเทือนด้วย ความกลัว, ความสงสัย, หรือความรู้สึก "ไม่ใช่" อย่างแท้จริงค่ะ เมื่อเราส่งคลื่นแห่งการหดตัวและความขัดแย้งนี้ออกไป กฎแห่งการสั่นสะเทือนก็จะดึงดูดสถานการณ์ที่ "ติดขัด" และ "เป็นไปไม่ได้" เข้ามาเพื่อยืนยันความรู้สึกภายในของเรา ทุกย่างก้าวจะรู้สึกหนัก, หนืด, และหมดพลัง นี่คือสัญญาณเตือนด้วยความรักจาก Highest Self ให้เรา "หยุด" เพื่อกลับมาปรับจูนคลื่นความถี่ภายในของเราให้สอดคล้องอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินทางต่อ

หลับตาสักครู่…

ส่องดูเหตุการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณวันนี้

ลองรู้สึกเฉย ๆ ว่า เหตุการณ์นั้นให้พลังแบบไหน?

เป็นไฟเขียว — หรือไฟแดง?

หากเป็นไฟแดง ให้รับรู้ว่า ตอนนี้เป็นโอกาสในการหยุดและปรับจูน

🟡 ไฟเหลือง (Growth - Challenge): สัญญาณสะท้อนของ "ความปรารถนาที่จะเติบโต" ในทางกลับกัน บางครั้งแรงต้านที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความกลัว แต่มาจาก "ความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเติบโต" ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่สูงและมีพลังขับเคลื่อนสูง.....แม้ภายนอกเราอาจจะรู้สึกกลัวหรือท้าทาย แต่ลึกๆ แล้ว "สภาวะภายใน" ของเรากำลังสั่นสะเทือนด้วย ความมุ่งมั่น, ความตื่นเต้น, และความต้องการที่จะขยายขีดจำกัดของตัวเอง.....กฎแห่งการสั่นสะเทือนจึงตอบรับคลื่นนั้นด้วยการส่ง "บททดสอบ" หรือ "ด่าน" ที่สมน้ำสมเนื้อมาให้ เพื่อเป็นสนามฝึกให้เราได้แข็งแกร่งขึ้นตามที่เราปรารถนา แรงต้านชนิดนี้จึงให้ความรู้สึกที่แตกต่าง คือ ยาก... แต่ใจสู้, กลัว... แต่ก็ตื่นเต้น

ทุกครั้งที่เจอแรงต้าน... ให้เราหยุดและวางมือบนหัวใจค่ะ แล้วค่อยถามตัวเองว่า ‘พลังนี้กำลังหดตัว หรือกำลังขยายตัว?’

🔴 ถ้าคำตอบคือ "การหดตัว" และหมดพลัง... แรงต้านนั้นคือ ไฟแดง ที่สะท้อนความไม่สอดคล้องของเรา

🟡 ถ้าคำตอบคือ "การขยายตัว" แม้จะรู้สึกกลัว... แรงต้านนั้นคือ ไฟเหลือง ที่สะท้อนความปรารถนาที่จะเติบโตของเราค่ะ

---

4️⃣ ภาษาแห่งความคิดริเริ่ม 💡

ความคิดของเรามาจาก 2 แหล่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงค่ะ

🟢 ไฟเขียว (Highest Self - จาก Intuition สู่ Knowing):

สัญญาณไฟเขียวจาก Highest Self ก็เหมือนการฝึกฝนทักษะค่ะ มีตั้งแต่ระดับเริ่มต้น (ปัญญาญาณ - Intuition) ไปจนถึงระดับที่เรากลายเป็นหนึ่งเดียวกับทักษะเลย (สภาวะหยั่งรู้ - Knowing)

🪜 ระดับเริ่มต้น: Intuition (ปัญญาญาณ)

นี่คือ "สาร" หรือ "บันไดก้าวแรก" (Stepping Stone) ที่ Highest Self ส่งมาให้เราฝึกฝนการรับฟังสัญญาณค่ะ เปรียบเสมือน GPS ที่บอกทางเลี้ยวถัดไป มันไม่ใช่การคิดวิเคราะห์ แต่เป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้นเองอย่างฉับพลัน

🔅 ลักษณะ: มาเป็น "ปิ๊งแว๊บ" (Ping!), เป็นแรงกระตุ้น (Urge) หรือแรงดลใจ (Impulse) และมักจะเข้ามาตอนที่เราชิวๆ ค่ะ เช่น เวลาที่เราพยายามหาของ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แต่พอปล่อย หรือ ตัดใจซื้อใหม่ แล้วไปทำอย่างอื่น ภาพของที่กำลังหาก็เข้ามาให้เห็นว่าอยูที่ไหนคะ

เพื่อให้เรื่องนี้จับต้องได้ง่ายขึ้น เราลองมอง "ประสาทสัมผัสภายใน" เหล่านี้ว่าเป็นเพียง "การทำงานที่ละเอียดอ่อนขึ้นของประสาทสัมผัสปกติ" ที่เราทุกคนมีอยู่แล้วกันนะคะ มันไม่ใช่พลังพิเศษ แต่เป็นเหมือน "ช่องทาง" หรือ "สไตล์" การรับข้อมูลที่แต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน

ลองสังเกตดูนะคะว่าปกติแล้ว คุณรับ "ลางสังหรณ์" ผ่านช่องทางไหนบ่อยที่สุด:

1. 🧠 การ 'รู้' ขึ้นมาเฉยๆ (Inner Knowing | Clair-cognizance): จู่ๆ ก็เกิดความเข้าใจหรือ "รู้" คำตอบขึ้นมาในใจ โดยไม่มีเหตุผลหรือที่มาที่ไปมารองรับ แต่ลึกๆ แล้วรู้สึกว่ามันใช่และเป็นความจริง

2. ❤️ การรับรู้ผ่านความรู้สึกทางกาย (Inner Feeling | Clair-sentience): ร่างกายของเราตอบสนองต่อพลังงานได้ไวกว่าความคิดค่ะ เช่น ความรู้สึก "ใจฟู" หรือ "โล่งสบาย" หรือ "ขนลุก" เมื่ออยู่ถูกที่ถูกทาง, ความรู้สึก "ห่อเหี่ยว" หรือ "อึดอัด" หรือ ปั้่นป่วนท้องไส้ หรือ "เสียวสันหลัง" เมื่อมีบางอย่างไม่ถูกต้อง

3. 👁️ การรับรู้ผ่านภาพในใจ (Inner Seeing | Clairvoyance): อาจเป็นแค่ภาพแวบๆ ที่ผุดขึ้นมาในความคิด, การจินตนาการเห็นภาพสถานการณ์บางอย่าง หรือการมองเห็นสัญลักษณ์ต่างๆ ในความนึกคิด

4. 👂 การรับรู้ผ่านเสียงในความคิด (Inner Hearing | Clair-audience): มักจะเป็นเสียงความคิดของเราเองที่ให้คำแนะนำสั้นๆ ที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา

5. 👃👄 การรับรู้ผ่านกลิ่นหรือรส (Inner Smelling/Tasting | Clair-salience/Clair-gustance): บางครั้งการนึกถึงใครบางคนอาจทำให้เราได้กลิ่นน้ำหอมของเขาจางๆ หรือการนึกถึงสถานที่ในอดีตก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ลิ้มรสชาติอาหารที่คุ้นเคย

หยุดสักครู่ และหายใจยาวๆ ลึกๆ สบายๆค่ะ…

✨ ลองนึกทบทวนดูนะคะ: ว่าเคยมี แรงกระตุ้น หรือแรงดลใจ หรือ ลางสังหรณ์ หรือ ภาพของที่พยายามหา ขึ้นมาเองหรือไม่?...เป็นเรื่องอะไรบ้างคะ

และเข้ามาทางช่องทางไหน...

ภาพ เสียง ความรู้สึกทางกาย กลิ่น รสสัมผัส ความรู้สึก หรือ เป็นความเข้าใจ

🔅 ความท้าทายในการแปล Intuition: เฉดของอารมณ์ เปรียบเสมือนกับ เฉดสีของเลนส์แว่นตา ค่ะ ทำให้การแปลสาร Intuition เพี้ยนได้ หากเราอยู่ในสภาวะไฟแดง แว่นตาของเราไม่ใส ทำให้สารที่ได้รับอาจถูกตีความผ่านฟิลเตอร์ของความกลัวได้ค่ะ ซึ่งอาจจะตีความเข้าข้าง ยืนยันความคิดที่มาจาก Ego ของตัวเองค่ะ

• สำหรับแจนพอมี Intuition เข้ามา บางครั้งเข้ามา 2 สาร ในเวลาใกล้กัน บางทีเพื่อความแน่ใจ แจนจะทดสอบด้วย Muscle Test หรือ O-ring ค่ะ... เพื่อนๆสามารถดูรายละเอียดได้ในคลิปตอนท้ายของบทความ นะคะ

  
  

🔅 เป้าหมายของ Intuition: เพื่อเป็น "แรงบันดาลใจ" ให้เราฝึก "ลงมือทำ" ตามเสียงนำทางเล็กๆ เหล่านี้ เพื่อสร้างความไว้วางใจและค่อยๆ ปรับจูนคลื่นความถี่ของเราให้ Align กับ Highest Self มากขึ้นเรื่อยๆค่ะ

🌌 ระดับที่เป็นธรรมชาติ: Knowing (สภาวะหยั่งรู้)

เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเราฝึกฝนการฟังและทำตาม Intuition จนกลายเป็นธรรมชาติค่ะ ถ้า Intuition คือการมองความเป็นจริงผ่านเลนส์แว่นตาสีต่างๆ.....สภาวะ Knowing ก็คือการที่เรา ไม่ต้องใช้แว่นตาใดๆ เลย แต่เป็นการมองเห็นทุกอย่างตรงๆ ตามความเป็นจริง ผ่านสายตาของ Source หรือ Highest Self โดยตรงค่ะ

• ลักษณะ: เป็น สัจจะความจริง 100% ที่ไม่ต้องตีความและไม่มีข้อสงสัย เป็นข้อมูล Pure Positive ที่สื่อถึงภาพใหญ่ความเป็นจริงของชีวิต

• นำไปสู่ Inspired Action:

  • สภาวะนี้ Ego จะไม่ต่อต้านเลย แต่จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยม ซึ่งลงมือทำ (take action) ตาม Passion หรือ แรงบันดาลใจ (Inspired Action) ที่ได้รับจาก Highest Self อย่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน

  • ในสภาวะนั้น... ศิลปินไม่ได้เร่งรีบ เขาเพียงปล่อยให้แรงบันดาลใจไหลผ่านปลายนิ้ว ความสุขไม่ได้อยู่ที่ผลงานเสร็จ แต่อยู่ในทุกขณะของการได้ ‘อยู่กับพลังที่ไหลผ่าน’ นั้นค่ะ 😊

    
    

  • สภาวะนี้คือการเข้าสู่ 'Flow State' ซึ่งเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงกับคลื่นสมองหลายระดับ:

    • Theta (สะพานเชื่อมสู่จิตใต้สำนึก): ชะลอการคิดวิเคราะห์ลงชั่วคราว เพื่อให้จิตสำนึกเชื่อมต่อกับข้อมูลที่ลึกกว่าจาก Highest Self

    • Gamma (การระเบิดของแรงบันดาลใจ): เมื่อแรงบันดาลใจ หรือ 'Knowing' ไหลเข้ามา สมองจะเข้าสู่คลื่น Gamma ซึ่งเป็นคลื่นความถี่สูงสุดที่เชื่อมโยงกับ การรวมข้อมูล (Information Integration) และ สภาวะหยั่งรู้เฉียบพลัน

      
      

  • ผลลัพธ์คือ การทำงานที่ไหลลื่น ลืมวันลืมเวลา เหมือนได้เข้าไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งของการสร้างสรรค์.....ที่ทำต่อเนื่องจนกว่าจุรู้สึกว่าสุด เต็มที่แล้วจึงหยุด ได้ Master Piece ชิ้นงาม....ความสุขของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่การทำงานให้ "เสร็จ" แต่อยู่ในทุกขณะที่ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนั้น และไม่ได้มีเงื่อนไขเรื่องเงินเป็นตัวตั้ง พอ Master Piece เสร็จ ก็นำผลงานไปวางใน Gallery ใครถูกใจก็ซื้อไป.... ไม่ได้เงิน ก็ยังมีความสุขที่ได้ทำ นี่แหละค่ะ คือความหมายที่แท้จริงของ Inspired Action

หยุดสักครู่ และหายใจยาวๆ ลึกๆ สบายๆค่ะ…

✨ ลองนึกทบทวนดูนะคะ: ว่าเคยมีเหตุการณ์ใดบ้างที่เราได้ทำสิ่งที่รักอย่างมีความสุข หรือ Passion หรือ ทำตามแรงบันดาลใจ....เรารู้สึกอย่างไรในตอนนั้น

🔴 ไฟแดง (Ego - Forced Action):

ความคิดจะมาจาก ความกลัวล้มเหลว กลัวไม่สำเร็จ จึงเต็มไปด้วยกรอบของคำว่า "ควรจะ" (Should) และ "ต้องทำ" (Must) ค่ะ

• สภาวะนี้ตรงกันข้ามกับศิลปินโดยสิ้นเชิง เพราะความรู้สึกดีไม่ได้เกิดระหว่างทาง แต่จะเกิดขึ้นเมื่อ "ทำงานเสร็จ" แล้วได้ขีดฆ่าสิ่งที่อยู่ใน To-do list ออกไป หรือ ทำได้ตามเป้าหมายแล้ว หรือ เมื่อได้รับการยืนยันจากภายนอก เช่น ยอดไลค์ ยอดวิว ยอดขาย เป็นต้น

• เป็นการพยายาม "ควบคุม" (Control) ทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน โดยใช้ "เจตจำนง" (Will Power) เป็นพลังขับเคลื่อนอย่างหนักหน่วง ทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง จนบางครั้งอาจกลายเป็น คนบ้าการควบคุม (Control Freak) โดยไม่รู้ตัว....ความคิดลักษณะนี้มักจะมาพร้อมกับความลังเล, การคิดวิเคราะห์ที่ซับซ้อน, และความรู้สึกกดดันว่า "ต้องทำให้เสร็จ" เพื่อให้ได้รับการยอมรับ หรือ เพื่อพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง

  
  

สังเกตดูนะคะว่า…ความคิดที่เข้ามาช่วงนี้ เป็น Ego ที่กำลังพยายามควบคุมหรือไม่?

ปล่อยให้แค่รับรู้ใสๆ โดยไม่ต้องตัดสิน

---

🌉 สะพานเชื่อมสู่ชีวิตจริง: เปลี่ยน "สิ่งที่ต้องทำ" ให้เป็นการกระทำที่สอดคล้อง

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า "ภาพศิลปินที่ทำงานใน Flow State มันก็สวยงามดี แต่ชีวิตจริงฉันต้องจ่ายบิล, ตอบอีเมล, ทำงานบ้าน, ดูแลครอบครัว... จะให้รอแรงบันดาลใจ (Inspiration) อย่างเดียวคงไม่ได้"

เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องและสำคัญมากค่ะ! ชีวิตไม่ได้มีแค่ "ขาว" (Inspired Action) กับ "ดำ" (Forced Action) แต่ยังมีพื้นที่ตรงกลางที่เราสามารถฝึกฝนได้ นั่นคือ "การเลือกทำอย่างมีสติ หรือ เจตจำนงค์ที่ชัดเจน" (Conscious Action)"

Conscious Action ก็คือการที่เรา "เลือก" ที่จะนำ "พลังงานจากสภาวะไฟเขียว" มาใช้ขับเคลื่อนการกระทำที่จำเป็นต้องทำ ด้วยตัวเราเอง อย่างสงบและเต็มใจ....นี่คือการทำงานของ Functional Ego Mode ในชีวิตจริงค่ะ เราอาจไม่ได้รับแรงบันดาลใจจาก "ตัวงาน" แต่เราสามารถ "เลือก" ที่จะทำมันด้วย "สภาวะที่ Aligned หรือ ให้ Highest Self ครองร่าง" พร้อมสร้างคุณค่าให้กับงานชิ้นนั้นได้ค่ะ....ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุด คือ ฝึกหายใจให้ยาวๆ ลึกๆ สบายๆ ให้ได้ตลอดเวลาค่ะ ไม่ว่าทำอะไรก็ตาม 😊

💡 วิธีเปลี่ยน Forced Action ให้เป็น Conscious Action:

1️⃣ หยุดและตั้งเจตนา (Pause & Set Intention):

ก่อนจะเริ่มทำงานที่น่าเบื่อ ให้หยุดสักครู่ หายใจลึกๆ แล้วถามตัวเองว่า "เราจะสร้างคุณค่าให้กับงานชิ้นนี้ได้อย่างไร?"

• ตัวอย่าง: แทนที่จะคิดว่า "ฉันต้องจ่ายบิล" (Forced) ลองเปลี่ยนเป็น "ฉันเลือกที่จะดูแลความเป็นอยู่ของฉันด้วยความขอบคุณ" (Conscious) การจ่ายบิลกลายเป็นการแสดงความขอบคุณต่อบ้านและบริการที่เราได้รับ

• ตัวอย่าง: แทนที่จะคิดว่า "ฉันต้องตอบอีเมลให้หมด" (Forced) ลองเปลี่ยนเป็น "ฉันเลือกที่จะสื่อสารอย่างชัดเจนและให้ความช่วยเหลือ" (Conscious) การตอบอีเมลกลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทีดีและให้บริการผู้อื่น

2️⃣ ยกระดับบรรยากาศ (Elevate the Atmosphere):

จงใจสร้าง "สภาวะไฟเขียว" รอบตัวคุณก่อนเริ่มลงมือทำ

✨ เปิดเพลงบรรเลงที่ทำให้รู้สึกสงบ

✨ ชงชาหรือกาแฟแก้วโปรดมาดื่มระหว่างทำ

✨ จุดเทียนหอมหรือใช้สเปรย์ปรับอากาศที่ให้ความรู้สึกดี

อีกตัวอย่างจริง เกี่ยวกับการสร้างคุณค่าให้กับงานของตัวเองค่ะ.....

เมื่อหลายปีมาแล้วแจนไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า ใกล้บ้านเป็นประจำเกือบทุกวัน มีโอกาสได้เข้าห้องน้ำรวม เกือบทุกจุด ของทุกชั้น...แจนสังเกตว่า มีห้องน้ำรวมอยูที่นึง ในห้องมีจะมีแจกันดอกไม้มาประดับ ให้สวยงาม และ มีกลิ่นหอมสะอาด สดชื่น แตกต่างจากห้องน้ำรวมส่วนอื่นๆของห้างฯนี้

แจนจะเห็นพี่พนักงานที่ดูแลห้องน้ำรวมนี้ประจำ หน้าตาของเธอยิ้มแย้มต้อนรับให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้าห้องน้ำ และ โค้งขอบคุณเวลาลูกค้าออกจากห้องน้ำ...แจนจะชมพี่เค้าทุกครั้งว่า "ห้องน้ำสะอาด น่าใช้มากเลยค่ะพี่ พี่ทำงานดีมากเลยค่ะ" พี่เค้าก็ตอบหน้าบานว่า "ดีใจค่ะ ที่เห็นลูกค้ามีความสุข" 😊

การฝึกฝนเช่นนี้ คือการเปลี่ยนบทบาทจาก "เหยื่อ" ของงานตามสั่งที่ต้องทำ มาเป็น "ผู้สร้างสรรค์" บรรยากาศ และ กำหนดอารมณ์ความรู้สึก หรือ Vibration ในการกระทำของตัวเอง นี่คือการนำทักษะนี้มาใช้ในทุกขณะของชีวิตประจำวันค่ะ

หยุดสักครู่ และหายใจยาวๆ ลึกๆ สบายๆค่ะ…

✨ ลองนึกเล่นๆดูนะคะ: ว่าเราจะปรับอารมร์ความรู้สึก และ ปรับบรรยากาศในการทำงานประจำของเรา เพื่อสร้างคุณค่า และให้เราทำงานอย่างมีความสุข ได้อย่างไรบ้างค่ะ

---

💎 Part 2: แนวทางการฝึกฝน: สื่อสารกับ Highest Self ยามตื่น

การเข้าสู่สภาวะหยั่งรู้ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่คือ "ทักษะ" ที่เราทุกคนฝึกฝนได้ค่ะ มันคือการสร้าง "สำนึกรู้ที่ยืดหยุ่นไหลลื่น" ผ่านการฝึกฝนที่เรียบง่ายในชีวิตประจำวัน:

1️⃣ สร้างฐานที่มั่นคง - ดูแลชีวิตแบบองค์รวม (Mind-Body-Spirit):

เริ่มจากการดูแล "เครื่องรับสัญญาณ" ของเราให้สะอาด พร้อมใช้งานอยู่ เพื่อให้รับสัญญาณได้ชัดเจนเสมอค่ะ......ทั้งการหายใจให้ยาวและลึก, การเลือกทานอาหารที่มีพลังงานชีวิตสูง, การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีความสุข เช่น การเต้นรำ ปล่อยให้สะโพกได้โยกย้ายอย่างอิสระ, และที่สำคัญคือการลดการเสพข้อมูลข่าวสารที่กระตุ้นความกลัว

2️⃣ ฝึก "ปล่อย ถอย ลอยตัว แนบเนียน (Align)" พร้อมรับสัญญาณ:

เป็นทักษะสำคัญที่สุดในการขัดจังหวะวงจรของ Ego ค่ะ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกถึงสัญญาณ "ไฟแดง" (ความเครียด, ความกังวล, ร่างกายหดเกร็ง) ให้เรามีสติรู้ตัว แล้ว "หยุด" ทุกอย่าง กลับมาอยู่กับลมหายใจ และค่อยๆ คลายร่างกายและจิตใจของเรา เพื่อเปลี่ยนการต่อต้านเป็น ความอ่อนโยน รับรู้ ว่านี่คือเสียงของ Ego ที่กำลังกลัว จากนั้นค่อยๆ โอบกอด และ ปลอบโยน ส่วนที่หวาดกลัวนั้น....ณ จุดนี้ เมื่อแรงต้าน หรือ เสียงรบกวนหมดลง เราถึงจะเริ่มรับสาร ได้ชัดเจนค่ะ

3️⃣ ถามชื่อ Highest Self ของตัวเอง และ ชวนพูดคุยสานสัมพันธ์กับ Highest Self บ่อยๆ

ในบันทึกที่ผ่านมา เราตั้งชื่อ Ego กันไปแล้วนะคะ มาบันทึกนี้ แจนอยากชวนเพื่อนๆ ให้ลองถามชื่อ Highest Self เพื่อช่วยให้เราสังเกตุลักษณะของ Highest Self ได้ชัดเจน ทำให้แยกแยะออกจาก Ego ได้ง่ายขึ้น และ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นสานสันพันธ์กับ Highest Self ของตนเอง จากที่ไกลตัว ห่างเหินไม่เคยคุยกันเลย ก็สามารถเริ่มพูดคุยสนิทสนมระหว่างวันกันได้ค่ะ....ส่งผลให้การสื่อสารกลายเป็นธรรมชาติมากขึ้นค่ะ

ให้นั่งนิ่ง ๆ สักครู่ สัก 1–2 นาที เพื่อสื่อสารกับ Highest Self ของคุณ

🪷 หายใจยาวๆ ลึกๆ สบายๆ......ปล่อยความคิดทั้งหมดลง

📝 เริ่มคุยกับ Highest Self กันค่ะ จากคำถามง่าย ๆ เช่น:

“Highest Self ชื่ออะไรคะ?”

“มีลักษณะอย่างไรคะ?”

"ชอบอะไรบ้างคะ"

ซึ่งคำตอบอาจจะไม่เข้ามาตอนนี้ แต่อาจจะเข้ามาระหว่างที่เราสบายๆ ชิวๆ เผลอๆ ตามช่องทาง Intuition ต่างๆค่ะ

4️⃣ ยกระดับการรับสัญญาณให้เป็นธรรมชาติ (Mastering Continuous Awareness)

การรับรู้สัญญาณไฟเขียว-ไฟแดง จะเต็มประสิทธิภาพที่สุดเมื่อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ช่วงที่เรานั่งสมาธิหรือรู้สึกว่าง...จงตั้งเจตนาให้การฝึกฝนนี้เป็นส่วนหนึ่งของการหายใจทุกลมหายใจ เมื่อความถี่ของการรับรู้เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ สัญญาณจาก Highest Self จะไม่ถูกกรองโดย Ego อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น Intuition ที่เที่ยงตรงและแม่นยำที่สุดในการนำทางชีวิตของคุณค่ะ

---

💎 บทสรุป: จากคนขับที่หลงทาง... สู่ผู้ขับที่วางใจใน GPS

การฝึกอ่านสัญญาณ "ไฟเขียว-ไฟแดง" ผ่านภาษาทั้ง 4 นี้ไปเรื่อยๆ จะค่อยๆ เปลี่ยนบทบาทของเรา จาก "คนขับที่หลงทาง" และเต็มไปด้วยความเครียด มาเป็น "คนขับที่วางใจ" ซึ่งทำงานร่วมกับ GPS ภายในของตัวเองได้อย่างกลมกลืน

เป้าหมายไม่ใช่การไม่เจอ "ไฟแดง" จาก Ego เลย แต่คือการเรียนรู้ที่จะ "ขอบคุณ" สัญญาณเตือนเหล่านั้น ที่มอบโอกาสให้เราได้หยุดพัก, ทบทวน, และกลับมาถาม Highest Self ของเราอีกครั้งเพื่อค้นพบเส้นทางใหม่ที่สวยงามและราบรื่นกว่าเดิมอยู่เสมอ

วันนี้... ลองสังเกต "หน้าจอ GPS" ของตัวเองดูนะคะ ว่าในแต่ละขณะจิต เขากำลังส่งสัญญาณ "ไฟเขียว" หรือ "ไฟแดง" มาให้เราผ่านภาษาไหนบ้าง? เพียงแค่เราเริ่มให้ความสำคัญ เราก็จะเริ่มสื่อสารภาษาของ Highest Self นี้ได้ชัดเจนขึ้นในทุกๆ วันค่ะ

และเมื่อเราเริ่มคุ้นเคยกับการอ่าน 'สัญญาณ' ที่ Highest Self ส่งมาให้ในยามตื่นแล้ว ในบันทึกฉบับต่อไป เราจะมาเรียนรู้วิธีการ 'เปิดสายตรง' เพื่อสนทนากับ Highest Self ของเราอย่างลึกซึ้ง ผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น Automatic Writing, การนั่งสมาธิเดินทางภายใน เป็นต้นค่ะ แล้วพบกันนะคะ 😊

ลองหลับตา...

แล้วสังเกตดูว่า หลังจากอ่านมาถึงตรงนี้

พลังงานในร่างกายของคุณ... ขยาย หรือหดตัว?

เสียงนั้น... คือ GPS จาก Highest Self ที่ส่งสัญญาณมาตลอดเวลาค่ะ

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากทำความเข้าใจและฝึกฝนการเข้าสู่สภาวะ Knowing อย่างละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น สามารถเข้าไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากคลิปด้านล่างนี้ค่ะ

𝐖𝐢𝐭𝐡 𝐃𝐞𝐞𝐩 𝐋𝐨𝐯𝐞 & 𝐑𝐞𝐬𝐩𝐞𝐜𝐭 𝐭𝐨 𝐀𝐥𝐥 𝐋𝐢𝐟𝐞 𝐀𝐬 𝐎𝐧𝐞 💕