📝 บันทึกถอดรหัส #6.1: เปิดสายตรงถึงข้างใน (ตอนที่ 1) - ลอง 'เขียนคุย' และ 'สมาธิเดินทางภายใน'

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน 🥰

เราเดินทางมาถึง บันทึกฉบับสุดท้าย ของซีรีส์ "บันทึกถอดรหัสสัญญาณโลกภายใน: ตรงจาก Highest Self" กันแล้วนะคะ ซึ่งเนื้อหาค่อนข้างละเอียด แจนเลยขอแบ่งเป็น 2 ตอนย่อยนะคะ

ในบันทึกฉบับที่แล้ว (#5: "คู่มือภาคปฏิบัติสำหรับการฟังเสียง Highest Self ระหว่างวัน") เราได้ลองฝึกเป็น "นักสังเกตการณ์" ที่ละเอียดอ่อน คอยอ่านสัญญาณไฟเขียว ไฟแดง ที่ร่างกาย อารมณ์ เหตุการณ์ และความคิด ส่งมาบอกเรากันแล้วใช่ไหมคะ เหมือนเราเริ่มคุ้นเคยกับภาษาของ GPS ภายใน หรือ Highest Self ของเรามากขึ้น

วันนี้ แจนอยากชวนมาลองก้าวไปอีกขั้นค่ะ จากการรอรับสัญญาณ มาเป็นการ "เปิดสายตรง" หรือ "เปิดวงคุย" กับเพื่อนที่รักและเข้าใจเราที่สุดที่อยู่ข้างในกันเลย

บันทึกนี้และตอนต่อไปจึงเป็นเหมือน "คู่มือภาคปฏิบัติ: เครื่องมือเปิดสายตรงถึง Highest Self" ที่จะต่อยอดจากการ "ฟังเสียง" ในบันทึกที่แล้ว มาสู่การฝึก "สื่อสาร" อย่างจริงจังมากขึ้นค่ะ

ทำได้ไหมนะ?

คำตอบคือ ได้แน่นอนค่ะ! และมันเป็นธรรมชาติกว่าที่เราคิดเสียอีก

หัวใจสำคัญของการเปิดสายตรงนี้ ก็คือการปรับ "สภาวะภายใน" หรือ "คลื่นสมอง" ของเรา ให้สงบและผ่อนคลายลงค่ะ

เหมือนที่เราเคยคุยกันว่า ยิ่งเราสามารถผ่อนคลายจากความวุ่นวายของความคิดในชีวิตประจำวัน (คลื่นสมอง Beta) มาสู่สภาวะที่สงบขึ้น (คลื่น Alpha และ Theta) ได้มากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งได้ยินเสียงกระซิบจาก Highest Self ชัดเจนขึ้นเท่านั้น

สภาวะ Theta นี้เองที่เป็นเหมือน ประตู สู่โลกภายใน ที่อาจนำเราไปสู่ความกระจ่างแจ้งในระดับ Gamma ได้ในที่สุด

ในบันทึกตอนนี้ แจนอยากจะชวนมาลอง เครื่องมือ ง่ายๆ 2 อย่างแรก ที่เราฝึกเองได้ เพื่อเปิดสายตรงสื่อสารกับปัญญาภายในของเรากันค่ะ คือ การ "เขียนคุย" (Automatic Writing) และ การ "ทำสมาธิเดินทางภายใน" (Inner Journeying/Meditation) ค่ะ

---

✍️ วิธีที่ 1: "เขียน... ปล่อย... ฟัง" - Automatic Writing ฉบับง่ายๆ

วิธีนี้จริงๆ แล้วก็คือ กระบวนการที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้ใช้ความคิด หรือการควบคุมจากจิตสำนึก (Ego ช่างคิดของเราในคลื่น Beta) เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน หรือแม้กระทั่งการวาด การขีดเขียน

พูดง่ายๆ คือ ปล่อยให้มือเขียนข้อความ หรือ วาดลายเส้นออกมาอย่างอิสระ โดยไม่ต้องพยายาม "คิด" ว่าจะเขียน/วาดอะไร หรือพยายามแก้ไข ตรวจสอบ หรือวิเคราะห์ สิ่งที่กำลังปรากฏออกมาตอนนั้นเลยค่ะ

สำหรับแจนเอง แจนรู้สึกว่ามันคือ การ "ข้ามผ่าน" 'Ego นักวิจารณ์' (The Critical Ego) ส่วนที่ชอบคิดวิจารณ์ หรือเต็มไปด้วยความกลัว ของเราไปชั่วคราว ด้วยการค่อยๆ ผ่อนคลาย 'Ego ที่ขับเคลื่อนด้วยความกลัว' (Fear-Based Ego) นี้ลงสู่คลื่น Alpha หรือ Theta ต้นๆ (ซึ่งคือส่วนของ 'Bimbo' ที่เราได้คุยกันไป) เพื่อเปิดช่องให้ "ปัญญาที่ลึกซึ้งกว่า" ข้างในได้แสดงตัวออกมา

ซึ่งจริงๆ แล้ว มันอาจจะกลายเป็นการ "ทำงานร่วมกัน" ระหว่าง Highest Self กับ 'Ego ผู้รับใช้ที่ฝึกฝนมาดี' (The Functional Ego) ของเราก็ได้นะคะ Ego ที่เข้าใจหน้าที่ของตัวเองในฐานะ "ผู้ช่วย" ไม่ใช่ "เจ้านาย" ก็สามารถเป็นผู้ช่วยที่ดีในการรับและถ่ายทอดสารได้ค่ะ 😊

หัวใจสำคัญคือการเปิดรับฟังเสียง หรือรับรู้การสื่อสารที่ละเอียดอ่อนกว่าความคิดปกติของเรานั่นเอง

ขั้นตอนสบายๆ ในการ "เขียนคุย (หรือวาดคุย)":

1. 📝 เตรียมตัว: หาที่เงียบๆ ที่เรารู้สึกสบายใจจริงๆ นั่งในท่าที่ผ่อนคลาย อาจจะทำสมาธิสั้นๆ หรือแค่หายใจลึกๆ ยาวๆ สักพักก่อนก็ได้ค่ะ ให้รู้สึกว่าคลื่นสมอง หรือความคิดในหัวเริ่มช้าลง บางลงไปเรื่อยๆ เตรียมกระดาษกับปากกา/ดินสอที่เขียนลื่นๆ หรือจะใช้สีก็ได้นะคะ ไว้ข้างตัว

   
   

2. 🎯 ตั้งเจตนา (Set Intention): ลองตั้งคำถามที่เราอยากรู้จริงๆ ไว้ในใจ (เช่น "ตอนนี้มีอะไรที่แจนควรรู้บ้างคะ?" หรือ "ขอคำแนะนำเรื่อง...") หรือแค่ตั้งเจตนาว่าจะเปิดรับสาร หรือการนำทางที่จะเข้ามาค่ะ

   
   

3. 🗣️ เริ่มเขียนเหมือนคุยกับเพื่อนสนิท: จากประสบการณ์ตรงของแจนนะคะ ให้เริ่มต้นเหมือนเรากำลังจะเขียนไดอารี่ หรือ Journal เลยค่ะ

ลองขึ้นต้นว่า "Highest Self ที่รัก..." หรือชื่อที่เรารู้สึกเชื่อมโยงก็ได้ค่ะ แล้วก็ เริ่มเขียนเล่าเรื่องที่เราอยากรู้คำตอบ หรือเรื่องที่ค้างคาใจ

อธิบายไปเลยค่ะว่าทำไมเราถึงอยากรู้ ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญกับเรา เขียนระบายความรู้สึก ความคิด ออกไปเรื่อยๆ เลยค่ะ

4. ✨ เปิดรับการตอบสนองระหว่างเขียน: ไม่ต้องรอให้เขียนจบนะคะ ในขณะที่เรากำลังเขียนอยู่นั่นแหละค่ะ บางทีคำตอบหรือการนำทางก็จะแทรกเข้ามาเอง อาจจะมาเป็น เสียงเบาๆ ในหัว, เป็น ความคิดที่ปิ๊งแวบ เข้ามาตอบสิ่งที่เราเพิ่งเขียนไป

หรือบางที Highest Self ก็อาจจะเหมือนมา "จับมือ" เรา ให้เขียนหรือวาด คำตอบ/สัญลักษณ์ออกมาเลยก็ได้ค่ะ

5. 💬 สื่อสารและโต้ตอบระหว่างทาง: จากประสบการณ์ของแจนนะคะ กระบวนการนี้มันมีชีวิตชีวา โต้ตอบได้ค่ะ ไม่ใช่แค่การรับอย่างเดียว

บางที ขณะที่มือเรากำลังถูกนำให้เขียนหรือวาดอยู่นั้น ถ้าเราสงสัยว่าภาพหรือข้อความนี้หมายถึงอะไร เราสามารถ "ถาม" ออกไปได้เลยค่ะ

แล้วคำตอบหรือความเข้าใจก็จะเข้ามาเอง อาจจะแวบเข้ามาเป็น ความเข้าใจปิ๊งขึ้นมา, เป็น ความคิด, เป็น เสียงคำพูดเบาๆ ในหัว, หรือผ่าน ความรู้สึกทางกาย ก็ได้ค่ะ ซึ่งก็คือ ช่องทาง Intuition ต่างๆ ที่ Highest Self ใช้สื่อสารกับเรานั่นเองค่ะ

หรือบางครั้ง แจนอาจจะตั้งคำถามไป แล้วลองเขียน List เป็นทางเลือกต่างๆ ไล่ลงมาเรื่อยๆ แล้ว 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ก็อาจจะแทรกเข้ามาเป็น "ความคิด" ให้เห็นอีกทางเลือกหนึ่ง หรือแม้กระทั่ง "จับมือ" แจนให้ขีดฆ่าทางเลือกที่ไม่ใช่ออกไปเลยก็มีค่ะ!....มันคือการทำงานร่วมกันจริงๆ ค่ะ

6. 💖 ไม่ตัดสิน (Non-Judgment) - หัวใจสำคัญที่สุด!: ไม่ว่าอะไรจะออกมา หรือเราจะสื่อสารโต้ตอบกันอย่างไร ปล่อยให้มันออกมาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องหยุดคิด ไม่ต้องวิเคราะห์ ไม่ต้องพยายามทำให้สวย หรือกังวลว่ามันจะ "สมเหตุสมผล" หรือเปล่า

แม้สิ่งที่ออกมาจะดูแปลกๆ ไม่ต่อเนื่อง ก็ปล่อยให้มันออกมาค่ะ...เป็นการฝึกปิดสวิตช์ "นักวิจารณ์ภายใน" (เสียง Ego ในคลื่น Beta) ของเราชั่วคราว

7. 🌊 ปล่อยไหล (Flow): ปล่อยให้การเขียน/วาดไหลไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกว่า "พอแล้ว" หรือรู้สึกว่าการไหลของข้อมูลมันหยุดไปเองค่ะ

อ่าน "สาร" จากข้างใน:

🧘‍♀️ สังเกตความรู้สึก: วางปากกาลง สูดหายใจลึกๆ ค่ะ สิ่งแรก สังเกตความรู้สึกตอนนี้ก่อนเลยค่ะ รู้สึกอย่างไร? โล่งขึ้น? สงบ? อบอุ่น? หรือกระจ่างใจขึ้นบ้างไหม? ความรู้สึกนี่แหละค่ะ คือเข็มทิศแรก

🔍 มองหาสิ่งที่สะดุดใจ: ลองกลับไปดูสิ่งที่เราเขียน หรือวาด มีคำ ประโยค รูปภาพ หรือลายเส้นไหนที่ทำให้เรารู้สึก "โดนใจ" เป็นพิเศษ หรือรู้สึก "เอ๊ะ?" ขึ้นมาไหมคะ?

💡 ใช้ความรู้สึกนำทาง: ไม่ต้องพยายามตีความด้วยตรรกะทั้งหมด ลองใช้ความรู้สึกนำทาง ถามตัวเองว่าสิ่งนี้มัน "รู้สึก" อย่างไรกับเรา มันสะท้อนอะไรในใจเราตอนนี้

🎁 ประโยชน์ที่ได้รับ: วิธีนี้มีประโยชน์หลายอย่างเลยนะคะ บางทีก็ช่วยให้เรา เข้าใจความรู้สึกตัวเองลึกๆ (Self-Exploration), ระบายความเครียด (Therapeutic), ได้ ไอเดียใหม่ๆ (Creativity) หรือได้รับ คำแนะนำดีๆ (Spiritual Connection) ก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบคำพูด หรือภาพสัญลักษณ์ก็ตามค่ะ

🙏 ขอบคุณเสมอ: ขอบคุณ Highest Self หรือปัญญาภายในของเราเสมอ ที่พยายามสื่อสารกับเราในทุกๆ ทางนะคะ

✨ แชร์การเดินทางของคุณ: อย่าเก็บข้อความหรือสัญลักษณ์ที่น่าสนใจไว้คนเดียวค่ะ! ลองถ่ายภาพลายมือ, ลายเส้น, หรือคำที่โดนใจที่สุด ที่ออกมาจากกระบวนการ Automatic Writing ของคุณ แล้วคอมเมนต์แชร์ไว้ใต้โพสต์นี้เลยนะคะ!

การแบ่งปันคือการ ยืนยันพลังงาน และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ คนอื่นกล้าเปิดใจสื่อสารกับข้างในของตัวเองด้วยค่ะ 💖

---

🌌 วิธีที่ 2: "หลับตา... เดินทาง... ทำงานข้างใน" - สมาธิเดินทางภายใน (Inner Journeying) แบบใช้จินตนาการ

วิธีนี้เป็นหัวใจสำคัญในการ "ทำงานข้างใน" แบบที่แจนใช้และแบ่งปันเลยค่ะ

มันไม่ใช่แค่การนั่งนิ่งๆ เพื่อให้จิตสงบ หรือลดเสียงรบกวน เท่านั้นนะคะ

แต่มันคือการ ใช้ "จินตนาการ" ของเราอย่างมีสติและตั้งใจ เพื่อเดินทางเข้าไปใน "พื้นที่ทำงาน" ที่ปลอดภัยข้างในใจเราค่ะ

ที่นั่น... เราจะได้พบเจอและ ทำงานร่วมกับ Highest Self เพื่อสำรวจ เยียวยา ปลดล็อก และจัดระเบียบพลังงานในมิติต่างๆ ของตัวเราค่ะ

หัวใจคือการใช้จินตนาการนำทาง:

🧠 ปรับคลื่นสมอง: การฝึกแบบนี้คือการที่เราหัดนำตัวเองเข้าสู่ คลื่นสมองระดับ Alpha และ Theta ที่ผ่อนคลายและเปิดกว้าง โดยอาศัยจินตนาการเป็นเครื่องมือสำคัญ

ไม่ใช่การพยายามกดความคิดให้ว่างเปล่า แต่เป็นการเปลี่ยนโฟกัสจากการคิดวิเคราะห์ (คลื่น Beta ของ Ego) ไปสู่การรับรู้ผ่านภาพ ความรู้สึก หรือสัญลักษณ์ภายในค่ะ

🚪 ประตูสู่โลกภายใน (และศักยภาพที่สูงขึ้น): สภาวะ Theta นี้เองที่เป็น "ประตูสู่โลกภายใน" หรือห้องสมุดจิตใต้สำนึก ที่เสียงของ Ego จะเบาลงมากๆ ทำให้เราสามารถ ทำงานกับข้อมูลและพลังงานในระดับลึก ได้อย่างชัดเจนและปลอดภัย โดยมีการนำทางจาก Highest Self ของเราค่ะ

สภาวะนี้ยังเป็นเหมือน สะพาน ที่อาจนำเราไปสู่ประสบการณ์ของความกระจ่างแจ้ง (Gamma) ได้ในที่สุด

ยิ่งเราฝึกฝนการเดินทางภายในเป็นประจำทุกวัน คลื่นสมองของเราก็จะยิ่งมีความยืดหยุ่น ไหลลื่น สามารถเข้าสู่สภาวะ Theta ระดับลึก หรือแม้กระทั่ง Gamma ได้ง่ายขึ้นด้วยตัวเองค่ะ

🎧 ลองฝึกตามเสียงนำทาง: เพื่อนๆ สามารถลองฝึกตาม Guided Meditation ที่แจนทำไว้ให้ได้นะคะ ซึ่งจะเป็นการนำทางให้เราได้ปรับสมดุลสนามพลังงานโดยใช้ Source Energy ค่ะ (ดูคลิปด้านล่างของบทความค่ะ)

เสียงนำทางจะช่วยปรับคลื่นสมองของเราอย่างอ่อนโยน สร้างความคุ้นเคย และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เราค่อยๆ คุ้นเคยกับการใช้จินตนาการเพื่อเดินทางภายในค่ะ

การเดินทางภายในแบบนี้ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากๆ ที่ช่วยให้เรา "จดจำตัวเอง" และ "กลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้ที่สมดุล" ของเราได้ค่ะ

ประโยชน์ที่เราจะได้รับก็ครอบคลุมมากๆ ไม่ว่าจะเป็น:

🌌 1. จดจำธรรมชาติที่เป็น Multidimensional Being: การเดินทางภายในช่วยให้เรา ตระหนักรู้ผ่านประสบการณ์ตรง ว่าเราไม่ใช่แค่ร่างกายหรือชีวิตนี้เท่านั้น แต่เราคือ ดวงจิต (Soul/ATMA) ที่กำลังเรียนรู้และมีประสบการณ์ ดำรงอยู่ในหลายๆ มิติ หลายๆ ภพชาติพร้อมๆ กัน เหมือนซี่ล้อที่แผ่ออกมาจากดุมล้อเดียวกัน

ความเข้าใจนี้จะช่วย ยกระดับสำนึกรู้ ของเรา ทำให้เราไม่ยึดติดกับตัวตนปัจจุบันจนเกินไป และ สำนึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน (Oneness) กับทุกสรรพสิ่งค่ะ

⚖️ 2. เข้าใจกฎธรรมชาติ และ กลไกการสร้างสรรค์ชีวิต: การได้กลับไปเห็นเรื่องราวต่างๆ ในภพชาติคู่ขนาน ไม่ใช่แค่การดูเรื่องราวเก่าๆ นะคะ แต่เป็นการเข้าไป "ถอดบทเรียน" ให้เข้าใจ กลไกธรรมชาติที่เป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์ทั้งหมด เช่น กฎแห่งผลของการกระทำ (Law of Consequences) ที่ว่า.....ในระดับพลังาน เราส่งคลื่นพลังงานอะไรออกไป ก็มีการตีกลับของพลังงานนั้น หรือ ทำอะไรก็ได้รับผลอย่างนั้นค่ะ

การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงแบบนี้ จะทำให้เราเกิดปัญญา รับผิดชอบต่อการสร้างสรรค์ ของตัวเอง 100% และ ฉลาดที่จะเลือกคิด พูด ทำ แต่สิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับตัวเอง และทุกชีวิตจริงๆ ค่ะ

♾️ 3. จดจำความเป็นนิรันดร์ และ ลดความกลัวตาย: เมื่อเราได้เดินทางและสัมผัสประสบการณ์เกิด-ตายซ้ำๆ ในหลายๆ รูปแบบ ผ่านมุมมองของดวงจิต หรือ Highest Self...เราจะค่อยๆ จดจำได้ว่าจิตเดิมแท้ของเรานั้นเป็นอมตะ เป็นนิรันดร์ ไม่มีวันตาย จริงๆ

เราจะเข้าใจว่า กระบวนการเกิด-ตายเป็นเพียงการเปลี่ยนผ่าน การเปลี่ยนร่าง เพื่อให้ดวงจิตได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ใหม่ๆ เท่านั้นเองค่ะ

พอเข้าใจแบบนี้ ความกลัวตายที่เคยฝังลึก ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเองตามธรรมชาติเลยค่ะ

💫 4. ถอดรหัสชีวิตปัจจุบันและเยียวยาพลังงานข้ามภพ: การเดินทางเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่มนะคะ แต่เป็นไปตาม กฎแห่งการสั่นสะเทือน (Law of Resonance)....Highest Self จะนำทางให้เราไปเชื่อมต่อกับภพชาติที่มีรูปแบบพลังงานสอดคล้องกับ "ปม" หรือ "คำถาม" ที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เราเข้าใจ "แก่นของสาร" ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

บางครั้ง ประสบการณ์ที่รุนแรงในภพคู่ขนานก็สามารถส่งคลื่นพลังงาน "ทะลุ" (Energetic Bleed-through) หรือส่งผลข้ามมาถึงเราในปัจจุบันได้

การได้กลับไปเห็น "ต้นตอ" จะช่วยให้เรา เยียวยาและปลดปล่อยพลังงานที่ติดค้าง นั้นในปัจจุบันได้อย่างตรงจุดค่ะ

🌟 5. ปลุก "พรสวรรค์" ที่เคยมีให้ตื่นขึ้น: ไม่ใช่แค่การแก้ปมนะคะ การเดินทางภายในยังสามารถ ปลุกความสามารถพิเศษ หรือพรสวรรค์ที่เรามีอยู่แล้วในระดับดวงจิต ให้กลับมาใช้งานได้ในปัจจุบันด้วยค่ะ

ถ้าเรารู้สึกดึงดูดหรือทำอะไรบางอย่างได้ดีเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะเรากำลังเชื่อมต่อกับตัวตนในภพคู่ขนานที่เชี่ยวชาญเรื่องนั้นๆ

การได้ "ระลึก" ถึงประสบการณ์นั้น ก็เหมือนการ "ดาวน์โหลด" ข้อมูล และมอบ "การอนุญาต" ให้ตัวเองได้แสดงศักยภาพนั้นออกมาอย่างเต็มที่ ในชีวิตนี้ค่ะ

🤝 6. สนทนาโดยตรงกับ Highest Self: และแน่นอนค่ะ การเดินทางภายในเปิดโอกาสให้เราได้ "สนทนา" โดยตรงกับส่วนที่เป็น 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ของเรา เพื่อขอความกระจ่าง ขอคำแนะนำ หรือทำงานร่วมกับท่านในการเยียวยาตัวเองค่ะ เพราะ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 คือผู้ที่มองเห็นภาพรวมทั้งหมดของเรานั่นเองค่ะ

🩺 7. การเยียวยาร่างกายและปรับสมดุล (Physical Healing & Balancing): นอกจากการเยียวยาทางจิตใจและพลังงานแล้ว การเดินทางภายในยังเปิดโอกาสให้เราเชิญ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 เข้ามาทำงานโดยตรง เพื่อช่วย 'ซ่อมแซม' ปรับสมดุล หรือแม้กระทั่งบรรเทาอาการเจ็บป่วยทางกายได้ด้วยค่ะ เป็นการเชื่อมโยงมิติของกาย-ใจ-จิตวิญญาณ (Mind-Body-Spirit) ให้กลับมาทำงานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์

ความท้าทายเบื้องต้นและประโยชน์ของการมีผู้นำทาง:

🚧 ความท้าทายเบื้องต้น: 

ในช่วงแรกๆ การจะได้รับประโยชน์เชิงลึกแบบที่ลิสต์ไว้นี้ อาจจะต้องมีคนนำทางค่ะ

เพราะการนั่งฝึกเอง โดยเฉพาะถ้าเรายังไม่คุ้นเคยกับการใช้จินตนาการนำทาง หรือยังแยกแยะเสียง Ego ไม่ชัดเจน เราอาจจะยัง "ไปไม่ถูก" หรือ เข้าได้ไม่ลึกพอ ที่จะทำงานกับปมสำคัญได้ค่ะ

'Ego นักปกป้อง' (The Protective Ego) ของเราอาจจะยังทำงานอยู่ ยังคอยปกป้องเราตามหน้าที่ของมัน ไม่ให้เราเข้าไปเผชิญหน้ากับความจริงหรือความรู้สึกที่อาจจะเจ็บปวด

🛤️ ประสบการณ์ตรง: 

จากประสบการณ์ตรงของแจนเองนะคะ.... เวลาที่ฝึกเดินทางภายในด้วยตัวเอง บางครั้งเราอาจจะรู้สึกเหมือนเข้าไปเห็นเรื่องราวซ้ำๆ ในภพชาติเดิม หรือเห็นแค่ภาพชีวิตประจำวันทั่วไป (Routine) แต่ยังไม่เจอ "แก่น" สาระสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกปมในปัจจุบันของเรา

ซึ่งการที่เราวนกลับไปที่จุดเดิมซ้ำๆ นี่แหละค่ะ คือสัญญาณที่ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 กำลังบอกเราว่า "ตรงนี้สำคัญนะ ต้องกลับมาดู" แต่ ความกลัวหรือกลไกการป้องกันของ 'Ego นักปกป้อง' นี่เอง ที่ทำให้เราอาจจะยังเข้าไม่ถึงแก่นสารนั้นด้วยตัวเอง

🧑‍🏫 ประโยชน์ของการมีผู้นำทาง: 

นี่คือจุดที่ "การเดินทางในคลาส" สามารถเข้ามาช่วยได้ค่ะ เพราะการมี ผู้นำทาง (Facilitator) ที่มีประสบการณ์ จะช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยและใช้เทคนิคในการปรับคลื่นสมอง ให้เราสามารถเข้าสู่สภาวะ Theta ที่ลึกและมั่นคงกว่าได้ง่ายขึ้น

ช่วยให้เราก้าวข้ามการป้องกันของ Ego และเข้าไปทำงานกับประเด็นสำคัญได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

และที่สำคัญ ในคลาสต่างๆ แจนไม่ได้แค่พาเดินทางนะคะ แต่จะแบ่งปันให้เข้าใจ "กระบวนการ" ด้วย เพื่อให้เพื่อนๆ สามารถนำทักษะนี้กลับไปฝึกฝนต่อได้ด้วยตัวเองในชีวิตประจำวันค่ะ

ลอง "หลับตาเดินทาง" (ขั้นตอนผ่อนคลาย):

1. 🍃 เตรียมตัว: หาที่เงียบๆ ที่จะไม่มีใครรบกวนสักพัก นั่งหรือนอนในท่าที่สบายที่สุด หลับตาลงเบาๆ

   
   

2. 🌬️ ผ่อนคลายลึกๆ (เข้าสู่ Alpha/Theta): หายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ ช้าๆ หายใจออกทางปากก็ได้ค่ะ ทำซ้ำๆ สักพักใหญ่ๆ ให้รู้สึกว่าร่างกายทุกส่วนผ่อนคลายจริงๆ เหมือนเรากำลังจะเคลิ้มหลับ ความคิดเริ่มช้าลง บางเบาลงไปเรื่อยๆ...

   
   

3. 🏞️ สร้างพื้นที่ปลอดภัย: ลองจินตนาการถึงสถานที่สวยงาม สงบ ที่เรารู้สึกปลอดภัยที่สุด ที่เราจะใช้เป็น "ห้องทำงานภายใน" ของเราค่ะ

   
   

4. 💌 ตั้งเจตนา และเชื้อเชิญ: เมื่อรู้สึกว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ให้ตั้งเจตนาในใจว่าเราจะเข้ามาทำงานเรื่องอะไร (เช่น "วันนี้ขอเข้ามาเชื่อมต่อกับ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟" หรือ "ขอเข้ามาทำความเข้าใจเรื่อง...") และกล่าว "เชื้อเชิญ" 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 (อาจจะเรียกชื่อ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ก็ได้ค่ะ) ให้มานำทางและทำงานร่วมกันในพื้นที่นี้

   
   

5. 🤲 เปิดรับ และทำงานอย่างลึกซึ้ง: ไม่ว่า 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 จะมาในรูปแบบไหน หรือนำทางเราไปพบเจอประสบการณ์อะไร ให้เราเปิดใจรับรู้ด้วยความรัก ไม่ตัดสิน และ ทำงานกับสิ่งที่ปรากฏ ตามการนำทางนั้น....อาจจะเป็น การส่งความรักให้ตัวเองในอดีต, การพูดคุยทำความเข้าใจกับใครบางคนในมิติพลังงาน, การปลดปล่อยความเชื่อเก่าๆ, หรือแค่การรับพลังงานดีๆ

✨ เคล็ดลับการเจาะลึกพลังงาน (Deepening Tips):

✅ เชื่อในสิ่งแรกที่แวบเข้ามา: ในสภาวะ Theta ภาพแรก หรือ ความรู้สึกแรก ที่ปรากฏขึ้นมา มักจะเป็นสารสื่อสารที่แท้จริงจาก 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 อย่าหยุดคิดวิเคราะห์ หรือ พยายามสร้างภาพที่ดีกว่า เพราะนั่นคือการแทรกแซงของ Ego

💖 ใช้ความรู้สึกนำทางแทนภาพ: หากภาพจินตนาการยังไม่ชัดเจน ให้ เปลี่ยนโฟกัสไปที่ความรู้สึก หรือ การรับรู้ทางกาย แทน ถามตัวเองว่า "สารที่เข้ามานี้ 'รู้สึก' อย่างไร" หรือ "มีการเปลี่ยนแปลงพลังงานที่จุดไหนในร่างกาย"

🗝️ ปล่อยให้สัญลักษณ์สื่อสารแทนคำพูด: หากเจอภาพที่ดูไม่สมเหตุสมผล (เช่น สัตว์, สี, รูปทรงเรขาคณิต) ไม่ต้องพยายามตีความด้วยตรรกะ ปล่อยให้มันปรากฏขึ้น และ ถามมันในใจว่า "คุณมาเพื่อบอกอะไรฉัน" การรับรู้จะตามมาในรูปแบบของ ความเข้าใจปิ๊งแวบ หรือ ความรู้สึก โดยอัตโนมัติ

🚧 หากเจอทางวนซ้ำ: ากรู้สึกว่าถูกนำทางไปยังเรื่องราวเดิมๆ ซ้ำๆ ให้ ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างกล้าหาญ ว่า "ความกลัวอะไรที่ทำให้ฉันยังไม่อนุญาตให้ตัวเองเห็นความจริงที่อยู่ลึกกว่านี้" แล้วขอให้ 𝐇𝐢𝐠𝐡𝐞𝐬𝐭 𝐒𝐞𝐥𝐟 ช่วย ส่องแสงแห่งความรัก เพื่อผ่อนคลายเกราะป้องกันของ Ego นั้น

6. 🙏 ขอบคุณ และกลับมา: เมื่อรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ให้กล่าวขอบคุณ Highest Self และทุกประสบการณ์ แล้วค่อยๆ นำสติกลับมาที่ร่างกายปัจจุบัน ขยับนิ้วมือนิ้วเท้าเบาๆ แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นค่ะ

 "ของฝาก" ที่ได้รับ:

💖 ความรู้สึก: สำคัญที่สุดเลยค่ะ! เรารู้สึกอย่างไร? เบาขึ้นไหม? สงบขึ้นไหม? กระจ่างใจขึ้นไหม? รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างข้างในไหม?

💡 ความเข้าใจ: บางครั้งเราก็ได้บทเรียน หรือความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับตัวเอง หรือสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่

---

💖 บทสรุปของตอนที่ 1 และการเตรียมตัวสู่ตอนสุดท้าย

เอาล่ะค่ะ สำหรับบันทึก #6.1 นี้ เราได้ลองทำความรู้จักกับเครื่องมือเบื้องต้น 2 อย่าง ที่ช่วยให้เราฝึก “เปิดสายตรง” สื่อสารกับ Highest Self ด้วยตัวเองไปแล้วนะคะ 💖

ทั้ง การเขียนคุย (Automatic Writing) ที่เหมือนเปิดไดอารี่คุยกับเพื่อนข้างใน และ การทำสมาธิเดินทางภายใน (Inner Journeying) โดยใช้จินตนาการเป็นยานพาหนะ

หัวใจสำคัญคือ ลองเล่น ลองฝึกด้วยความผ่อนคลาย ไม่ตัดสิน และไม่คาดหวัง แล้วเราจะค่อยๆ คุ้นเคยกับการรับฟังเสียงละเอียดอ่อนจากข้างในได้ชัดเจนขึ้นเองค่ะ 😊

และตอนนี้… สองเครื่องมือแรกนี้จึงเป็นการฝึก 'เปิดเส้นทาง' และ 'สร้างความคุ้นเคย' กับการสื่อสารภายในที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ

• ✨ ถ้า Automatic Writing คือการ 'เปิดหน้าต่าง' เพื่อรับฟังเสียงจากข้างใน...

• ✨ และ Inner Journeying คือการ 'เปิดประตู' เพื่อเดินเข้าไปสำรวจในบ้านหลังนั้น...

...แล้ว Hypnosis หรือการสะกดจิตล่ะ? มันจะเป็นเหมือน 'กุญแจดอกสำคัญ' ที่ไขเราลงไปยัง 'ห้องนิรภัย' หรือ 'ห้องใต้ดิน' ของบ้านหลังนี้... ที่ซึ่งเราจะได้สัมผัส แก่นสาร และทำงานกับพลังงานในระดับที่ 'ลึก' และ 'ตรงจุด' ยิ่งขึ้นไปอีก 🌌 เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่รากฐานจริงๆ ค่ะ

ในบันทึก #6.2 ซึ่งเป็นตอนสุดท้าย เราจะมาสำรวจ วิธีที่สาม นี้ อย่างละเอียด และพาเราผ่าน พิธีภายในปิดซีรีส์ ที่จะช่วยให้เราจดจำความเชื่อมโยงกับ Highest Self อย่างเต็มที่... พร้อมทั้งสรุปหัวใจสำคัญของการเดินทางทั้งหมดนี้ไปด้วยกัน ให้เราพร้อมรับประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยตัวเองอย่างมั่นใจค่ะ

ตอนนี้… ขอให้เราหายใจลึกๆ สักครั้ง 💫

รู้สึกถึงหัวใจ… รู้สึกถึงความรักและการนำทางที่เรามีอยู่ข้างใน…

และเตรียมพร้อมที่จะ เปิดประตูสู่การค้นพบที่ลึกและสดใสกว่าเดิมในบันทึก #6.2 กันค่ะ 🥰

𝐖𝐢𝐭𝐡 𝐃𝐞𝐞𝐩 𝐋𝐨𝐯𝐞 & 𝐑𝐞𝐬𝐩𝐞𝐜𝐭 𝐭𝐨 𝐀𝐥𝐥 𝐋𝐢𝐟𝐞 𝐀𝐬 𝐎𝐧𝐞 💕